บ้าน เป็นคำที่มีความหมายอันอบอุ่น หลายๆคนมีความใฝ่ฝันว่าอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง เพื่อสร้างรังรักและเป็นที่อยู่อาศัยร่วมกันกับคนในครอบครัว บางคนซื้อบ้านเพราะอยากให้พ่อแม่มาอยู่ด้วย บางคนซื้อบ้านเพราะเตรียมตัวแต่งงานและรองรับลูกหลานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสมฝันมีบ้านกันได้ง่ายๆ เพราะมีหลายเงื่อนไขหลายปัจจัยที่จะทำให้ฝันนั้นเป็นจริง หรือเป็นเพียงแค่ความฝันต่อไป ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการมีบ้านสักหลังหนึ่งนั้นก็คือเรื่องของเงิน บ้านเป็นสินทรัพย์ขนาดใหญ่ มีราคาค่างวดสูงส่งทีเดียว บรรดาเศรษฐีคงไม่ต้องพูดถึง มีเงินทองเหลือเฟือ ชีวิตนี้จะมีบ้านสักกี่หลังก็ทำได้
แต่ชาวบ้านชนชั้นกลางรวมทั้งมนุษย์เงินเดือนนี่สิ กว่าจะได้บ้านมาสักหลัง ลำบากลำบน และต้องทนเป็นหนี้เขาต่อไปอีกหลายปี หากตกลงปลงใจว่าจะซื้อบ้านกันแล้ว ลองมาดูแนวทางการเลือกการตัดสินใจ รวมทั้งการวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ว่าจะต้องมี จะต้องทำอย่างไรกันบ้าง
ขั้นที่หนึ่ง ดูงบประมาณของตัวเอง
ว่าเรามีรายได้เท่าไหร่ ทั้งรายได้ประจำ รายได้หลัก รายได้เสริม เงินที่พ่อแม่ให้ เป็นต้น ถ้ามีเงินเหลือเฟือ และอยากได้บ้านที่พอเหมาะพอเจาะกับเงินก้อนนั้น ก็ให้ซื้อเงินสดไปเลย จะได้ไม่ต้องเป็นหนี้ และไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย แต่ถ้าไม่ได้มีเงินมากมาย จำเป็นต้องอาศัยการผ่อนชำระ ก็ต้องมาดูว่า เรามีความสามารถผ่อนชำระได้เท่าไหร่ หลังจากหักค่าใช้จ่ายรายเดือนทุกอย่างแล้ว ทำตัวเลขออกมาให้ได้ว่า มีเงินเหลือเพื่อบ้าน อยู่ที่จำนวนเงินเท่าไหร่ และนั่นจะเป็นกรอบว่า เราควรจะเลือกซื้อบ้านราคาประมาณเท่าไหร่ บางคนอยากได้บ้านแพงๆ ทำเลดีๆ แต่ความสามารถในการผ่อนจ่ายมีอยู่จำกัด ก็ต้องละความอยากนั้นลงเสีย อย่าทำอะไรเกินตัวเป็นอันขาด เพราะความอยากที่เกินพอดีนี้ จะนำมาปัญหามาสู่ชีวิตอีกมากมาย ใครๆก็อยากได้ของดีมีราคากันทั้งนั้น แต่ในขั้นสุดท้ายก็ต้องดูที่เราไหวแค่ไหน ก็ใช้ค่านั้นเป็นเกณฑ์ไว้ก่อน
ขั้นที่สอง เลือกช่วงราคาของบ้าน
เมื่อรู้งบประมาณและความสามารถในการจ่ายของเราได้แล้ว ก็จะทำให้เรารู้ว่าต้องเลือกบ้านที่ราคาประมาณเท่าไหร่ โดยทั่วไปให้ใช้รายได้ต่อปีเป็นตัวตั้งแล้วคูนด้วย 2.5 เท่า นั่นเป็นช่วงราคาบ้านที่เหมาะสมกับรายได้ของเรา เช่น เรามีเงินเดือน 20000 บาท ทั้งปีรวมเป็นเงิน 240000 บาท คูณด้วย 2.5 จะได้ราคาบ้านอยู่ที่ 600000 บาท ตัวเลขนี้เป็นเพียงตัวเลขประมาณการ รายได้ของเราอาจเพิ่มขึ้นจากเงินโบนัสหรืออาชีพเสริมอื่นๆ ก็จะทำให้ช่วงราคาเปลี่ยนไปได้
ขั้นที่สาม ค้นหาบ้านเป้าหมาย
เมื่อได้ช่วงราคาแล้ว เราก็ต้องออกไปหาบ้านที่มีราคาตรงกับแผนการของเรา ซึ่งมีหลายที่หลายแห่ง หลายแบบ หลายทำเล เราต้องมากำหนดเพิ่มเติมลงไปในขั้นตอนนี้ว่า ด้วยราคาเท่ากันนี้ มีแบบบ้านบ้านไหนที่เราชอบ ทำเลที่ตั้งสะดวกต่อการอยู่อาศัย สะดวกต่อการเดินทางสำหรับทุกๆคนในครอบครัวหรือไม่ การก่อสร้างได้มาตรฐานที่ดีพอหรือเปล่า เงื่อนไขย่อยๆเหล่าก็จะเป็นตัวกำหนด บ้านที่เราจะเลือกซื้อให้แคบลงมาอีก
ขั้นที่สี่ การจัดการเงิน
เมื่อได้บ้านในแบบที่พอใจแล้ว ก็ต้องคิดถึงเรื่องการเงิน ว่าจะกู้กับใคร ผ่อนชำระในระยะเวลากี่ปี ดอกเบี้ยแพงไปไหม ยังมีที่อื่นที่ให้กู้ด้วยเงื่อนไขที่ดีกว่านี้อีกไหม อ่านสัญญาให้ละเอียดและทำความเข้าใจให้ดี เพราะคนส่วนใหญ่มักไว้ใจในสถาบันการเงินขนาดใหญ่และมีชื่อเสียง ทำให้ละเลยไม่ทำความเข้าใจกับเงื่อนของสัญญาและอัตราดอกเบี้ยให้ดี พอเกิดปัญหาหรือเกิดการสะดุดในการผ่อนชำระขึ้นมา จะมาอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ ต้องทำความเข้าใจเรื่องสัญญาด้านการเงินให้ดี
ขั้นที่ห้า ต้องมีแผนในการบำรุงรักษาบ้าน
การมีบ้านสักหลังหนึ่งนับว่าเป็นเรื่องยาก เมื่อได้มาแล้วหรือก่อนจะได้มา ต้องคิดเผื่อถึงการดูแลรักษาบ้านเอาไว้ด้วย เช่นการจัดงบประมาส่วนหนึ่งในการซ่อมบำรุง การจัดทำประกันภัยให้กับบ้านของเราด้วย
เมื่อได้คิดและทำครบทั้ง 5 ขั้นตอนนี้แล้ว ก็ตัดสินใจไปตามแผนที่เราตั้งใจไว้ได้เลย เมื่อได้เข้าไปอาศัยอยู่ในบ้าน ก็ต้องทำตัวทำตนให้เป็นคนรักบ้าน รักครอบครัวด้วย แม้บ้านจะใหญ่โตราคาแพงเท่าไหร่ก็ตาม แต่ถ้าคนในบ้านไม่มีความรัก ไม่ความความเข้าใจกันแล้ว ก็ยากที่จะมีความสุขสงบ จงมีความรักให้กับตัวบ้าน หมั่นดูแลบำรุงรักษาให้บ้านอยู่ในสภาพที่ดีน่าอยู่ น่าอาศัย รักษาน้ำใจไมตรีของคนในบ้านให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป
อ่านเพิ่มเติม : เงินเดือนเท่านี้ กู้ซื้อบ้านได้เท่าไหร่ กันนะ ?