วันนี้หากเราเริ่มเป็นนักลงทุนในหุ้น เราควรจะต้องรู้จักเครื่องหมายต่างๆ ที่ตลาดหลักทรัพย์ มีการขึ้นประกาศในหุ้นแต่ละตัว ในแต่ละวันด้วย เพราะเครื่องหมายเหล่านี้จะมีผลต่อการซื้อขายหุ้นที่เราสนใจอยู่ไม่มากก็น้อย เรามาดูกันดีกว่าว่ามีเครื่องหมายของหุ้นแบบไหนบ้างที่เราควรจะต้องรู้จักไว้
เครื่องหมายที่ตลาดหลักทรัพย์จะติดประกาศไว้กับหุ้นในแต่ละตัวและแต่ละครั้งนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการห้ามซื้อขายหุ้นนั้น ด้วยเหตุผลต่างๆ ได้แก่
- NP (Notice Pending) คือ บริษัทจดทะเบียนต้องรายงานและตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างรอข้อมูลจากบริษัท
- NR (Notice Received) คือ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับการชี้แจงข้อมูลจากบริษัทจดทะเบียนที่ขึ้นเครื่องหมาย NP แล้ว และจะขึ้นเครื่องหมาย NR เป็นเวลา 1 วัน
- SP (Suspension) คือ ห้ามซื้อขายหุ้นเป็นการชั่วคราว โดยแต่ละครั้งจะมีระยะเวลาเกินกว่าหนึ่งรอบการซื้อขาย
- H (Halt) คือ ห้ามซื้อขายหุ้นเป็นการชั่วคราว โดยแต่ละครั้งมีระยะเวลาไม่เกินกว่าหนึ่งรอบการซื้อขาย
นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเครื่องหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของหุ้น หรือที่เราอาจจะได้ยินคำศัพท์ที่ว่า Corporate Action ของหุ้นนั่นเอง ซึ่งจะเป็นตัวอักษรในตระกูล “X” ทั้งหลาย ซึ่งมีเครื่องหมายอะไรบ้างเรามาดูกัน
- XD (Excluding Dividend) คือ ผู้ซื้อหุ้นไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล
- XI (Excluding Interest) คือ ผู้ซื้อหุ้นไม่ได้สิทธิรับดอกเบี้ย
- XE (Excluding Exercise) คือ เป็นการแสดงการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นในการนำตราสารสิทธิไปแปลงสภาพเป็นหุ้นอ้างอิง
- XR (Excluding Right) คือ ผู้ซื้อหุ้นไม่ได้สิทธิจองซื้อหุ้นออกใหม่
- XW (Excluding Warrant) คือ ผู้ซื้อหุ้นไม่ได้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น
- XS (Excluding Short-term Warrant) คือ ผู้ซื้อหุ้นไม่ได้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นระยะสั้น
- XT (Excluding Transferable Subscription Right) คือ ผู้ซื้อหุ้นไม่ได้สิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้
- XP (Excluding Principle) คือ ผู้ซื้อหุ้นไม่ได้สิทธิรับเงินต้นที่บริษัทประกาศจ่ายคืนในคราวนั้น
- XM (Excluding Meeting) คือ ผู้ซื้อหุ้นไม่มีสิทธิเข้าประชุมผู้ถือหุ้น
- XN (Excluding Capital Return) คือ ผู้ซื้อหุ้นไม่มีสิทธิในการรับเงินคืนจากการลดทุน
- XA (Excluding All) คือ ผู้ซื้อหุ้นไม่ได้สิทธิทุกประเภทที่บริษัทประกาศให้ในคราวนั้น
อย่างที่บอกไปว่าการขึ้นเครื่องหมายตระกูล “X” ให้กับหุ้นแต่ละตัวนั้นจะเรียกว่า Corporate Action หรือ อธิบายได้ว่าเป็นการที่บริษัทจดทะเบียน ประกาศดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายการดำเนินงาน หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินของบริษัท ซึ่งมีผลต่อมูลค่าของกิจการหรือกระทบต่อหลักทรัพย์ที่ออกโดยบริษัทจดทะเบียนนั้น และอาจจะมีผลต่อมูลค่าในส่วนของผู้ถือหุ้นและมูลค่าของหุ้น โดยจะมีผลกระทบใน 4 กรณี คือ
- การเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นหรือราคาพาร์ (Par Value) โดยการเพิ่มหรือลดมูลค่าที่ตราไว้ (Stock Split)
- การจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Stock Dividend)
- การเพิ่มทุนโดยให้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญใหม่แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Issue)
- การจ่ายเงินปันผลพิเศษ (Extraordinary Dividend) กรณีจ่ายคืนจากกำไรสะสม
โดยทั้ง 4 กรณีทีว่านี้ก็จะมีผลกระทบต่อหุ้นแต่ละตัวไม่เหมือนกัน ซึ่งถ้าหุ้นตัวไหนมีการติดเครื่องหมายตระกูล “X” แล้วล่ะก็ จะมีผลกระทบกับหุ้นในแต่ละตัว คือ การเปลี่ยนแปลงของจำนวนหุ้นที่จดทะเบียน มูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้น (ทางบัญชี) ผลกระทบของมูลค่าหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม (ทางทฤษฎี) และราคาหุ้นหลังจากเกิดธุรกรรมหรือหลังจากที่ติดเครื่องหมายตระกูล “X” ไปแล้ว โดยทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สรุปผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับหุ้นที่ติดเครื่องหมายตระกูล “X” ไว้แบบนี้คือ