ถ้าตอนนี้เราเป็นนักลงทุนแล้วล่ะก็สิ่งที่เราจะได้ยินอยู่บ่อยๆ ก็คือ การลงทุนแบบ DCA ซึ่งก็จะได้ยินมาทั้งในแง่บวกและแง่ลบ เพราะบางคนก็บอกว่าดี บางคนก็บอกว่าไม่ดี วันนี้เราจะมาดูกันว่าการลงทุนแบบ DCA นั้นเป็นยังไงและ DCA ดี หรือ ไม่ดี กับนักลงทุน ?
การลงทุนแบบ DCA ย่อมาจาก Dollar Cost Averaging หรือเป็นภาษาไทยว่า การลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน นั่นก็หมายความว่า เป็นการลงทุนในจำนวนเงินที่เท่าๆ กัน จำนวนมากหรือน้อยก็ไม่ว่ากัน แต่ต้องลงทุนเป็นประจำ อย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ อาจจะเป็นสัปดาห์ละครั้ง เดือนละสองครั้ง หรือเดือนละครั้งก็ได้ ซึ่งการลงทุนแบบ DCA ที่หลายๆ คนมักจะแนะนำให้นักลงทุนส่วนใหญ่นำไปใช้ในการลงทุน ก็ด้วยเหตุผลดังนี้ คือ ไม่ต้องรอคอยหรือติดตามภาวะตลาด ไม่จำเป็นต้องใช้เงินในการลงทุนในแต่ละครั้งจำนวนมาก และทำให้ไม่ต้องกลัวว่าจะซื้อของแพง ซึ่งเราจะมาดูแต่ละข้อดีกว่าว่ามีเงื่อนไขยังไงบ้าง
อ่านเพิ่มเติม : ซื้อหุ้นหรือ กองทุนรวมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน DCA ดีจริงหรือไม่
การลงทุนแบบ DCA นั้นทำให้เราไม่ต้องรอคอยติดตามภาวะตลาดตลอดเวลา เพราะไม่ว่าสถานการณ์แบบไหน ตลาดจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ลงทุน และก็ลงทุน ตามเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น ต่อมาการลงทุนแบบ DCA ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากในการลงทุนแต่ละครั้ง เพราะการลงทุนในกองทุนรวมส่วนใหญ่จะใช้เงินเริ่มต้นขั้นต่ำ 1,000 บาท หรือบางกองก็แค่ 500 บาท แถมบาง บลจ. ก็มีบริการที่ให้นักลงทุนสามารถใช้กลยุทธ์แบบ DCA มาลงทุนได้เหมือนกันแต่ก็จะมีชื่อที่เรียกแตกต่างกันไป
หากเราลงทุนแบบ DCA แล้ว ก็ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะซื้อของแพง เพราะเมื่อเราได้ลงทุนไปอย่างต่อเนื่องแล้ว ราคาที่เราซื้อหรือลงทุนไปทั้งหมดจะเป็นการ “เฉลี่ยต้นทุน” ให้เราเอง เพราะยามที่กองทุนมีราคาถูก เราก็ซื้อของนั้นมาตุนไว้อยู่แล้ว ส่วนเวลาของแพงเราก็ซื้อได้น้อยลง อีกอย่างที่มักแนะนำให้ใช้การลงทุนแบบ DCA คือ เป็นการสร้างวินัยในการลงทุนให้กับตัวเราเอง เพราะเป็นการบังคับให้เราต้องซื้อกองทุนนั้นอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง แต่ดูเหมือนว่าการลงทุนแบบ DCA จะมีแต่ข้อดี ข้อเสียก็มีเหมือนกัน หากว่าคของกองทุนที่เราสนใจนั้นมีแนวโน้มของราคาลดลง ราคาต้นทุนที่เฉลี่ยออกมานั้นอาจจะสูงกว่าการซื้อครั้งเดียวก็เป็นได้
ซึ่งจะยกตัวอย่างการซื้อกองทุนแบบ DCA ของปี 2557 และ ปี 2558 มาให้ดูล่ะกันนะว่าถ้าสถานะการณ์ที่ต่างกันการซื้อกองทุนแบบ DCA ก็จะให้ผลลัพท์ที่แตกต่างกันไปด้วย ทั้งนี้ขอยกตัวอย่างการซื้อกองทุนรวม LTF ที่บางคนก็ทยอยซื้อทุกเดือน แต่บางคนก็ซื้อครั้งเดียวตอนสิ้นปี ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาสถิติส่วนใหญ่คนทำงานจะมาซื้อกองทุน LTF กันตอนสิ้นปี จึงทำให้มูลค่าของกองทุน LTF ช่วงเดือนธันวาคมมีราคาสูง แต่ปี 2558 ที่ผ่านมากลับมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงส่งผลให้กองทุน LTF มีราคาลดลง
ดังนั้นเราลองมาดูผลลัพธ์กันดีกว่าว่าปี การลงทุนในกองทุนแบบ DCA ของปี 2557 กับ 2558 จะเป็นยังไงกันบ้าง
จากผลการลงทุนแบบ DCA ของปี 2558 และปี 2557 เราจะเห็นได้ว่าปี 2558 การลงทุนแบบ DCA ดูจะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไร เพราะว่าช่วงปลายปี 2558 เศรษฐกิจดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไรตลาดหุ้นก็เลยปรับตัวลดลง ซึ่งนั่นก็ส่งผลกระทบกับกองทุน LTF ไปโดยปริยาย หากใครที่เริ่มลงทุนแบบ DCA ในปี 2558 ที่ผ่านมานี้อาจจะรู้สึกไม่ค่อยดีกับการลงทุนแบบ DCA ก็เป็นได้ เพราะเหมือนว่าต้นทุนในการซื้อกองทุนแบบ DCA จะแพงกว่าการซื้อครั้งเดียวตอนปลายปี แต่อย่างน้อยการลงทุนแบบ DCA ก็ทำให้เรามีวินัยในการลงทุน ทำให้เราสามารถออมเงินได้ตามเป้าหมายที่ต้องการได้