บ้านเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ช่วยสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต ดังนั้นเมื่อทำงานและเริ่มมีความมั่นคงทางการเงินสักระยะหนึ่งแล้ว หลายคนจึงเริ่มมองหาบ้านที่จะซื้อเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว แต่สิ่งหนึ่งที่จะต้องรู้ก็คือ การกู้เงินเพื่อซื้อบ้านนั้นถือเป็นภาระหนี้ระยะยาวอย่างหนึ่ง ซึ่งหากคุณมีความพร้อมก็ควรผ่อนบ้านให้หมดภาระหนี้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอระยะเวลาที่นานถึง 20-30 ปีตามกำหนด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยในการผ่อนบ้านที่อาจกระทบต่อแผนการเงินอื่นๆในอนาคต
แนวทางในการผ่อนบ้านให้หมดเร็วๆนั้น ต้องมีการวางแผนเอาไว้อย่างดีเพราะไม่เช่นนั้นการเร่งเอาเงินมาโปะค่าบ้าน อาจทำให้สภาพคล่องทางการเงินมีปัญหา และมีเงินไม่พอสำหรับใช้จ่ายในด้านอื่นๆที่จำเป็นได้ ดังนั้น การผ่อนชำระค่าบ้านให้หมดเร็วๆสามารถทำได้ 2 วิธีด้วยกัน คือ
- เพิ่มเงินในการผ่อนชำระบ้านในแต่ละเดือนให้มากขึ้น ในอัตราที่เท่าๆกัน อย่างเช่น คุณกู้ซื้อบ้านในราคา 2,800,000 บาท กำหนดระยะเวลาผ่อน 30 ปี ต้องส่งค่างวดบ้านเดือนละ 18,000 บาท และมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ ดังนั้นคุณอาจจะวางแผนเพิ่มเงินผ่อนบ้านในแต่ละเดือนอีก 10 % คิดเป็นเงิน 1,800 บาท รวมทั้งหมดที่คุณจะต้องส่งเงินค่างวดบ้านในแต่ละเดือนคือ 19,800 บาท ซึ่งจะทำให้คุณผ่อนค่าบ้านหมดเร็วขึ้น แถมยังลดดอกเบี้ยที่จะเสียลงได้อีกเยอะด้วย
- ผ่อนชำระค่าบ้านเป็นเวลา 13 เดือน นั่นก็คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเงินก้อนหรือโบนัสประจำปี ก็ให้นำเงินมาโปะค่าบ้านเพิ่มในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี อย่างเช่น ทุกเดือนคุณมีค่าผ่อนบ้านเดือนละ 15,000 บาท ในเดือนธันวาคมก็นำเงินโบนัสมาส่งค่าบ้านเพิ่มเป็น 30,000 บาท ช่วยให้ผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นและประหยัดดอกเบี้ยลงได้มากเช่นกัน อีกทั้งยิ่งผ่อนบ้านหมดเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้คุณรู้สึกสบายใจมากขึ้นเท่านั้นอีกด้วย เพราะฉะนั้นมารีบผ่อนบ้านให้หมดเร็วๆ กันดีกว่า
ทั้งนี้การผ่อนบ้านให้หมดเร็วด้วยวิธีข้างต้นนี้ ต้องม่นใจว่าไม่กระทบต่อการเงินในชีวิตประจำวันจนทำให้คุณต้องลำบาก
ส่วนใครที่อยากลดดอกเบี้ยในการผ่อนบ้าน เนื่องจากธนาคารที่ทำสัญญาอยู่มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ค่อนข้างสูง สามารถใช้วิธีรีไฟแนนซ์เพื่อทำสัญญาใหม่ให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ซึ่งสามารถทำได้เมื่อผ่อนชำระบ้านไปเกิน 3 ปีแล้ว และอาจทำสัญญากับธนาคารใหม่หรือธนาคารเดิมก็ได้ วิธีนี้จะช่วยลดภาระในการผ่อนบ้านจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงได้
แม้จะทำสัญญากู้ซื้อบ้านผ่านแล้ว และผ่อนชำระไปด้วยดีในระยะหนึ่ง แต่ภายหลังเกิดมีปัญหาทางด้านการเงิน เช่น ตกงานกะทันหัน หรือ เจ็บป่วยต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก ทำให้ไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่างวดบ้าน จนกลายเป็นความวิตกกังวลว่าบ้านที่อุตส่าห์ผ่อนมานานหลายปีต้องถูกยึด และไม่มีที่อยู่ แต่เมื่อสำรวจเงินที่มีอยู่แล้วก็ต้อยอมรับว่า ผ่อนบ้านไม่ไหว จริงๆ ปัญหาแบบนี้ต้องทำอย่างไร
มีคนจำนวนไม่น้อยที่เลือกทางแก้ปัญหาด้วยการหยุดจ่ายค่างวดบ้านและหนีหายไปเสียเฉยๆ ไม่ยอมติดต่อกับทางธนาคาร ซึ่งวิธีแก้ปัญหาแบบนี้ไม่ใช่หนทางที่ดีเลย อีกทั้งยังทำให้ปัญหาต่างๆเลวร้ายลงไปอีก ดังนั้นเมื่อรู้ตัวว่าผ่อนบ้านไม่ไหว สิ่งที่จะต้องทำก็คือ
- ขอลดอัตราการผ่อนบ้านในแต่ละเดือน เช่น จากเดิมที่เคยจ่ายค่างวดบ้านเดือนละ 15,000 บาท ก็อาจจะเจรจาต่อรองให้ธนาคารลดเหลือเดือนละ 10,000 บาท แทน แต่ก็ต้องเพิ่มระยะเวลาในการผ่อนบ้านให้นานขึ้น เช่น จากเดิมเหลือเวลาผ่อนบ้านอีก15 ปี ก็อาจจะขยายระยะเวลาเพิ่มขึ้นเป็น 20 ปี ซึ่งวิธีการนี้ประวัติชำระเงินที่เครดิตบูโรยังเป็นปกติ แต่จะทำให้คุณสามารถยืดเวลาการผ่อนบ้านออกไปได้นานขึ้น ซึ่งก็เหมาะกับคนที่ผ่อนบ้านไม่ทันมากทีเดียว แต่ทั้งนี้หากมีโอกาสโป๊ะหนี้ ก็รีบโป๊ะโดยด่วน เพื่อจะได้ผ่อนหมดเร็วๆ นั่นเอง
- ขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ที่ทำให้ค่างวดชำระบ้านลดลงเหลือน้อยกว่าเดิมมาก เช่น จากเดิมที่เคยผ่อนเดือนละ 15,000 บาทก็อาจจะลดลงเหลือเดือนละ 3,000 บาท แต่ดอกเบี้ยจะยังคงอยู่เหมือนเดิม ซึ่งเมื่อครบระยะเวลา 2 ปีก็ต้องกลับไปผ่อนบ้านในอัตราเดือนละ 15,000 เหมือนเดิมและหักดอกเบี้ยออกจากเงินที่ผ่อนนั้น วิธีการนี้จะทำให้คุณเสียประวัติในเครดิตบูโร 2 ปี และไม่สามารถไปยื่นกู้เงินกับธนาคารอื่นได้ไปอีก 3-5 ปี
สุดท้าย หากผ่อนบ้านไม่ไหวจริงๆก็สามารถทำการขายคืนบ้านให้กับธนาคาร ซึ่งส่วนใหญ่มักจะประเมินราคาต่ำกว่าที่ซื้อขายในท้องตลาด และมีเงื่อนไขที่ต้องยอมรับก็คือ หากธนาคารประเมินราคาบ้านและขายได้ในราคาทีสูงกว่าเงินต้นที่เหลืออยู่ ธนาคารจะไม่จ่ายส่วนต่างนี้ให้ และในทางกลับกันหากบ้านถูกประเมินและขายได้ในราคาต่ำกว่ายอดคงค้าง คุณก็จะต้องหาเงินไปจ่ายธนาคารให้ครบจำนวน เช่น เหลอเงินต้นค้างชำระ 2 ล้าน แต่ประเมินและขายบ้านไปได้เพียง 1.5 ล้าน คุณก็ต้องหาเงินส่วนต่างอีก 5 แสนบาทมาจ่ายให้กับทางธนาคาร