นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงว่า เนื่องจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งส่งผลให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยลดลง ประกอบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศในภาพรวม มีอสังหาคงค้างในตลาดจำนวนมาก ทั้งในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งเมืองสำคัญในภูมิภาค เช่น พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ อุดรธานี และขอนแก่น เป็นต้น คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบมาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์รวม 2 มาตรการ ดังนี้
-
มาตรการการเงิน
เพื่อเป็นการสนับสนุนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ให้สามารถกู้ซื้อที่อยู่อาศัยในวงเงินที่สูงขึ้นด้วยเงื่อนไขผ่อนปรนเพื่อให้ผู้กู้ใช้ในการซื้อที่ดินพร้อมอาคาร ห้องชุด หรือเพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร โดยประมาณการวงเงินให้สินเชื่อรวมเบื้องต้น 10,000 ล้านบาท กำหนดระยะเวลารับคำขอและการทำนิติกรรม 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2558 และให้ ธอส. สามารถขยายระยะเวลาได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี และมีกลุ่มเป้าหมาย คือผู้ที่มีรายได้สุทธิต่อเดือนไม่เกิน 30,000 บาท โดยเกณฑ์หลักประกันเป็นไปตามระเบียบปฏิบัติงานสินเชื่อของ ธอส.
-
มาตรการการคลัง
2.1 การลดค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม โดยให้ลดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอน และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ และห้องชุด จากเดิมร้อยละ 2 ของราคาประเมินทุนทรัพย์ในกรณีการโอน และร้อยละ 1 ของมูลค่าที่จำนอง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ในกรณีการจำนองฯ เหลือร้อยละ 0.01 เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อเร่งให้เกิดการทำนิติกรรมโดยเร็ว
2.2 การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับรายได้ที่จ่ายไปเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุดที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของตนเองเป็นจำนวนร้อยละ 20 ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ โดยผู้ได้รับสิทธิจะต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์มาก่อน และมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ที่ซื้อเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี กล่าวคือ ต้องเป็นการซื้อครั้งแรกและเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยจริง โดยต้องใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อเนื่องกัน 5 ปี ภาษี นับแต่ปีภาษีที่มีการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ โดยให้แบ่งใช้สิทธิเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษี ทั้งนี้ ต้องจ่ายค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์และจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559
กระทรวงการคลังคาดว่า มาตรการดังกล่าวข้างต้น จะสามารถช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยหรือไม่มีรายได้ประจำ และผู้มีรายได้ปานกลาง ซึ่งไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ ให้สามารถได้รับสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีเงื่อนไขผ่อนปรนได้ง่ายยิ่งขึ้น และสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ปัจจุบัน ธอส.ได้ให้ความช่วยเหลือในเรื่องสินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว จะได้รับประโยชน์จากการดำเนินมาตรการข้างต้นมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ซื้อบ้านทั้งในส่วนของบ้านใหม่และบ้านมือสองจะได้รับสิทธิประโยชน์จากการลดค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนอง รวมทั้งการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาข้างต้นด้วย ซึ่งจะช่วยลดภาระให้กับผู้มีรายได้น้อยโดยตรง ทั้งนี้การดำเนินมาตรการดังกล่าว จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบ
ที่มาของข่าว : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1444725032
อ่านข่าว กู้ซื้อบ้าน คนรายได้น้อย นี้แล้วหลายๆคนคงจะดีใจกันแน่นอน
เพราะฝันอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง เก็บเงินดาวน์พร้อมแล้วแต่ยังไม่กล้ายื่นกู้เพราะรายได้น้อยกลัวไม่ผ่าน ตอนนี้ไม่ต้องกังวลแล้ว รายได้ไม่เกิน 30,000 บาทกู้ซื้อบ้านได้แล้วจริงๆ แต่ประเด็นหลักที่คุณต้องพร้อมก่อนกู้ และทำความเข้าใจกันก่อนคือ เงื่อนไขหลักๆนั้นก็จะเหมือนกับการกู้ซื้อบ้านทั่วๆไปคือ ผู้กู้หลักและร่วมต้องไม่ติดแบล๊คลิส รายได้เมื่อทำการหักตามระบบการคำนวณการปล่อยสินเชื่อแล้วเพียงพอกับการผ่อนชำระจึงจะสามารถกู้ได้ บ้านที่เลือกนั้นราคาต้องไม่สูงเกินไป ซึ่งเงื่อนไขคร่าวๆที่จะทำให้กู้ผ่านได้ง่ายๆก็มีที่น่าสนใจเพียงเท่านี้ ซึ่งหลายคนคงสงสัยอีกว่า แล้วเราสามารถจะคำนวณอย่างไรว่าเราจะกู้ผ่านหรือไม่ผ่าน ซึ่งหลายๆคนอยากรู้ตรงนี้ก่อนที่จะนำเงินไปจองโครงการและยื่นเรื่องขอกู้
โดยคร่าวๆการคำนวณรายได้ผู้กู้นั้นธนาคารจะดูจากหลักๆคือ รายรับทั้งหมด เช่น รายได้หลัก รายได้เสริม เงินพิเศษเช่น ค่าคอมมิชชั่น เงินโบนัส ทั้งหมดนี้ธนาคารจะถือเป็นรายได้แต่ทุกอย่างต้องผ่านบัญชีและต้องมีที่มาที่ชัดเจน เช่นมีสลิปเงินเดือน มีหนังสือรับรองเงินเดือน หากทำกิจการตัวเองก็ต้องมีใบเสร็จรับจ่าย มีใบแสดงว่าเป็นผู้เสียภาษี หรืออื่นๆตามที่ธนาคารจะเรียกพิจารณา รายจ่ายทั้งหมด เช่น ค่าบัตรเครดิต ค่าผ่อนชำระ ค่าครองชีพ ซึ่งธนาคารจะเช็คจากเครดิตบูโรได้ทั้งหมดว่ามีรายการหนี้สินอันไหนบ้างที่อยู่ในระบบ
บางครั้งพนักงานที่ดูแลเรื่องกู้ซื้อบ้านจะถามก่อนว่าผ่อนอะไรไหม ขอดูรายการหน่อยมีหนี้สินอะไรบ้าง ซึ่งบางคนไม่ยอมบอกทั้งๆที่พนักงานเขาจะแนะนำเราได้เพราะรายจ่ายส่วนนี้หากเรามีหลายรายการการกู้ซื้อบ้านจะยากขึ้น และส่วนใหญ่พนักงานจะแนะนำให้ปิดสินเชื่อบางรายการก่อนการกู้ซื้อบ้าน
และการคำนวณของทางธนาคารเท่าที่ทราบคร่าวๆที่ เขาจะดูจากรายรับ รายจ่าย นำมาหักลบแล้วเหลือเท่าไหร่ หักค่าครองชีพตามสูตรของแต่ละธนาคาร เหลือแต่ละเดือนเท่าไหร่พอที่จะผ่อนไหม ราคาบ้านที่ยื่นกู้เข้ามาเท่าไหร่ ระยะเวลาการผ่อน และผ่อนต่อเดือนเท่าไหร่ ตรงนี้ล่ะที่ทำให้หลายๆคนกู้ไม่ผ่าน
เพราะบางคนผ่อนรถ ผ่อนบัตร เงินเดือนสุทธิ 50,000 บาท ผ่อนรถแล้วหมื่นกว่าบาท ผ่อนบัตรเครดิตอีก หักค่าครองชีพ หักหนี้ต่างๆแล้ว เหลือไม่พอกับค่าผ่อนรถก็มี เพราะรายได้เราบอกว่าเราได้เดือนละ 50,000 บาท แต่รับจริงๆเท่าไหร่ โดนหักเข้าประกันสังคม หักกองทุน หรืออื่นๆตามโครงสร้างบริษัท เหลือสุทธิแต่ละเดือนเท่าไหร่ ตรงนี้หลายๆคนพลาดไปและการเลือกบ้านหลายๆคนที่มีเงินเดือนขนาดนี้แล้วกู้ไม่ผ่านมีนะ ไม่ใช่ไม่มีเพราะด้วยเหตุผลอย่างที่บอกด้านบน ประกอบกับเลือกบ้านที่ราคาสูงเพราะคิดว่าเงินเดือนน่าจะผ่าน ดาวน์ขั้นต่ำไป ยังไงก็น่าจะผ่าน แต่เรื่องจริงไม่ผ่านกันมาเยอะแล้ว
อ่านเพิ่มเติม >> เมื่อมนุษย์เงินเดือน อยาก ซื้อบ้านหลังแรก <<
ทั้งจากเนื้อข่าวที่ยกมาให้อ่านกันเต็ม และ บอกเล่าโดยสังเขปว่าการยื่นกู้นั้นควรเตรียมตัวอย่างไร และเลือกระดับราคาบ้านอย่างไรให้เรากู้ได้ง่ายขึ้น แม้ว่าความฝันที่อยากจะมีบ้านสวยๆหรูๆสักหลังในชีวิตเพื่อเป็นที่พักพิงยามแก่ชราหรือเก็บไว้ให้ลูกหลายมันอาจจะดูยากในยุคนี้ แต่เมื่อโอกาสมาถึงแล้วเลือกในแบบที่เรามีความสามารถจะคว้ามันไว้ และรักษาให้อยู่กับเราตราบจนลูกหลานนั้นดูจะเป็นจริงได้มากที่สุด คนที่รายได้น้อยโอกาสมีบ้านมาถึงคุณแล้วเลือกให้เหมาะสม บริหารการผ่อนให้ดีๆ รับรองว่าคุณจะมีบ้านเป็นของตัวเองได้แน่นอน