เมื่อเราต้องการซื้อบ้านหรือคอนโดใหม่สักหลังคงต้องเริ่มต้นจากการตระเวนดูโครงการบ้านจัดสรรหรือโครงการคอนโดมิเนียมต่าง ๆ ที่เราสนใจ ไม่ว่าบ้านหรือคอนโดนั้นสร้างเสร็จพร้อมอยู่หรือเป็นแค่โครงการเตรียมก่อสร้างเท่านั้น หากเป็นกรณีที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่เราก็จะได้เห็นสภาพบ้านหรือห้องคอนโดจริง ๆ แต่หากเป็นเพียงแค่โครงการที่เตรียมก่อสร้าง เราก็จะได้เห็นแค่บ้านตัวอย่างหรือห้องตัวอย่างเท่านั้น และเมื่อเราเจอบ้านหรือห้องคอนโดที่ถูกใจเมื่อไหร่และเราต้องการจองบ้านหลังนั้นหรือคอนโดห้องนั้นไว้ให้เป็นสิทธิ์ของเราเพื่อไม่ให้ใครมาซื้อ เราจะต้องจ่ายเงินค่าจองไว้กับทางโครงการ เมื่อโครงการได้รับเงินจากเรา โครงการก็จะไม่ขายบ้านหรือคอนโดห้องนั้นให้กับลูกค้าคนอื่นอีก
เงินจองนี้จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับโครงการและมูลค่าของบ้านหรือคอนโด หากบ้านหรือคอนโดมีราคาไม่สูงมาก เงินจองก็จะไม่สูงอยู่ที่หลักพันบาท แต่หากบ้านหรือคอนโดมีราคาสูงหลายล้านบาทขึ้นไป เงินจองก็จะสูงขึ้นเป็นหลักหมื่น โครงการบ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียมบางที่ที่เป็นที่นิยมมากพัฒนาโดยบริษัทที่มีชื่อเสียงในวงการจะต้องวางเงินจองสูงถึง 50,000 บาท หรือเป็นหลักแสนบาทก็มีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทางโครงการต้องกำหนดเงินจองไว้สูงก็เนื่องจากต้องการตัดลูกค้าประเภทที่ต้องการเข้ามาจองเพื่อเก็งกำไร ไม่ได้มีความต้องการซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมอย่างแท้จริง การกำหนดเงินจองไว้สูงจึงเป็นสิ่งที่ช่วยสกรีนลูกค้าที่มีความต้องการซื้อที่แท้จริงได้ ลูกค้าถึงยอมจ่าย
หากกรณีที่ลูกค้าเกิดเปลี่ยนใจในภายหลังไม่ต้องการซื้อบ้านหรือคอนโดนี้แล้ว ทางโครงการจะยึดเงินจองเนื่องจากถือว่าเป็นค่าเสียโอกาสในการขายให้กับลูกค้าคนอื่น ๆ ในช่วงที่เราทำการจองไว้ลูกค้าจะไม่ได้เงินจองคืน
แม้จะมีกรณีซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมเป็นเงินสด แต่ส่วนใหญ่แล้วลูกค้าแทบทุกรายต้องขอสินเชื่อเงินกู้บ้านจากธนาคารกันทั้งนั้น การขอสินเชื่อกับธนาคารหากเป็นบ้านหรือคอนโดที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ก็สามารถทำเรื่องขอสินเชื่อได้เลยหลังทำการจองและทำสัญญา แต่หากเป็นโครงการที่รอสร้างเมื่อจองแล้วลูกค้าอาจต้องผ่อนดาวน์กับโครงการไปก่อนจนกว่าการก่อสร้างโครงการใกล้จะเสร็จ จึงค่อยขอสินเชื่อกับทางธนาคารปกติโครงการบ้านจัดสรรหรือโครงการคอนโดมิเนียมสร้างใหม่จะมีธนาคารผู้ให้กู้สำหรับโครงการเพื่อนำเสนอสินเชื่อให้กับลูกค้าอยู่แล้ว ลูกค้าก็เตรียมเอกสารทำตามขั้นตอนการขอสินเชื่อไปกับทางธนาคารเลยแล้วรออนุมัติ
ลูกค้าหลายคนสงสัยว่าหากกรณีที่เรายื่นเรื่องขอสินเชื่อบ้านไปกับทางธนาคารแล้วไม่ผ่าน ธนาคารไม่อนุมัติสินเชื่อทางโครงการจะคืนเงินจองให้เราหรือไม่
เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่ลูกค้าไม่ได้ตั้งใจที่จะเปลี่ยนใจไม่ซื้อบ้านหรือคอนโดกับโครงการ แต่เป็นเพราะสินเชื่อไม่ได้รับการอนุมัติต้องขอบอกไว้ว่าส่วนใหญ่แล้วเงินจองจะไม่ได้คืน ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็แล้วแต่ เช่น ลูกค้าเกิดเปลี่ยนใจไม่อยากซื้อแล้วหรือต้องการเปลี่ยนไปซื้อโครงการอื่น หรือแม้แต่ธนาคารไม่อนุมัติสินเชื่อให้ เพราะทางโครงการมีต้นทุนเสียโอกาสอยู่ตลอดช่วงที่เราทำการจองบ้านหรือคอนโดไว้ ทางโครงการก็ไม่ได้ขายบ้านหรือคอนโดที่จองให้กับลูกค้าคนอื่น เมื่อเราทำการยกเลิกการจองก็ต้องยอมเสียเงินมัดจำในส่วนนี้ไป โครงการเองก็ต้องรับผิดชอบในส่วนที่ต้องก่อสร้างให้เสร็จและโอนให้ทันตามที่ระบุไว้ในสัญญา หากไม่ทันก็ต้องจ่ายค่าปรับเป็นดอกเบี้ยตามอัตราที่ระบุไว้ในสัญญาเช่นกัน ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องดูในสัญญาและข้อตกลงจะเชื่อคำพูดของพนักงานขายโครงการไม่ได้ เพราะมีเช่นกันที่บอกกับลูกค้าว่าหากเงินกู้ไม่ผ่านแล้วจะคืนเงินจองให้ แต่ไม่ได้ระบุในเอกสารหรือสัญญาอะไรเลย
สัญญาจะซื้อจะขายบ้านหรือคอนโดส่วนมากเขียนขึ้นโดยโครงการ จึงมักระบุเรื่องต่าง ๆ ไว้เพื่อเป็นประโยชน์กับทางโครงการเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของเงินจองนี้ว่าหากมีการผิดนัดไม่มาชำระเงินตามที่ตกลงในสัญญา โครงการมีสิทธิ์ที่จะริบเงินจองนี้ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางโครงการจะพิจารณาลูกค้าเป็นกรณีไป มีบางโครงการที่เห็นใจลูกค้า โดยเฉพาะหากเป็นกรณีที่ไม่เฉพาะเพียงจ่ายเงินจอง แต่ผ่อนจ่ายเงินดาวน์มาหลายงวดเป็นเงินหลายแสนบาท แล้วผลอนุมัติเงินกู้ไม่ผ่าน ด้วยเหตุที่ไม่ใช่เป็นเพราะประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดีของลูกค้าเองหรือกู้ได้ไม่เต็มวงเงินที่ขอไป ทั้งเงินจองและเงินที่ผ่อนดาวน์ไปทางโครงการจะเก็บไว้เป็นเครดิตให้กับลูกค้าสำหรับการเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดอื่นที่บริหารโดยโครงการเดียวกัน หรือบางโครงการอาจมีการคืนเงินดาวน์บางส่วนให้กับลูกค้า แต่เงินจองนี่ไม่คืนแน่นอน
เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่ได้มีข้อบังคับให้โครงการคืนเงินจองหรือเงินดาวน์แก่ลูกค้าที่กู้ไม่ผ่าน ดังนั้น ลูกค้าควรดูสัญญาให้ดีหากต้องการให้มีการคืนเงินจอง เงินทำสัญญาหรือเงินดาวน์ในกรณีขอสินเชื่อไม่ผ่าน ก็ควรคุยให้โครงการระบุในสัญญา
สำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านหรือคอนโดแบบผ่อนชำระโดยขอสินเชื่อกับธนาคาร ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนควรทำการศึกษาหาความรู้ให้ดีในเรื่องการเตรียมตัวเพื่อขอสินเชื่อ เพื่อให้มีโอกาสที่เราจะได้รับอนุมัติเงินกู้มากที่สุดไม่ถูกปฏิเสธ อันนี้ถือสิ่งที่ลูกค้าสามารถเตรียมพร้อมตัวเองได้ หลักเกณฑ์สำคัญในการที่ธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อบ้านเราควรรู้ไว้ด้วย เช่น ลองเช็คประวัติการชำระเงินของตัวเองในเครดิตบูโรว่าเคยติดเรื่องอะไรหรือไม่ หากเพิ่งเปลี่ยนงานก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ได้รับอนุมัติต้องทำงานปัจจุบันมาไม่ต่ำกว่า 1 ปี เงินเดือนและภาระหนี้สินในปัจจุบันจะเป็นตัวบอกความสามารถในการชำระหนี้ของเราสำหรับสินเชื่อใหม่นี้ด้วย ซึ่งเราสามารถคำนวณเองได้แบบคร่าว ๆ ขั้นตอนการเตรียมพร้อมหาข้อมูลเตรียมขอสินเชื่อนี้สามารถทำได้ก่อนล่วงหน้า เพื่อให้เรามั่นใจว่าการขอสินเชื่อของเรามีโอกาสได้รับการอนุมัติสูง ถึงทำการจ่ายเงินจองโครงการหรือทำสัญญา