หากว่าวอเร็น บัฟเฟต์คือนักลงทุนที่เก่งที่สุดในโลก ปีเตอร์ ลินซ์ ก็คือผู้จัดการกองทุนที่เก่งที่สุดในโลก เพราะเขาเป็นผู้ที่ทำสถิติในการสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ตลงทุนของลูกค้าโดยที่ยังไม่เคยมีใครเอาชนะได้ อัตราผลตอบแทนที่ว่าคือกำไรเฉลี่ย 29.2% แบบทบต้นต่อปีเป็นเวลาติดต่อกันยาวนานถึง 13 ปี จนถึงปัจจุบันสถิตินี้ก็ยังคงเป็นสถิติประวัติศาสตร์ที่ยังไม่มีใครล้มได้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 ที่เขาได้ก้าวขึ้นมานั่งในตำแหน่งของผู้จัดการกองทุน Fidelity Magellan ขณะนั้นกองทุนมีมูลค่า 18 ล้านดอลลาร์ ภายในเวลา 13 ปี ในปี พ.ศ. 2533 ซึ่งเป็นปีที่เขาตัดสินใจเกษียณจากงาน มูลค่าของกองทุนนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็น 14 พันล้านดอลลาร์ จำนวนหุ้นทั้งหมดในพอร์ตกองทุนที่เขาบริหารมีมากถึงกว่า 1,400 ตัว
อ่านเพิ่มเติม : ปีเตอร์ ลินช์ กับหุ้น 6 ประเภท
ความจริงที่เกิดขึ้นนี้ทำให้นักลงทุนทั่วโลกสนใจอยากที่จะเรียนรู้และศึกษาเคล็ดลับในการลงทุนของปีเตอร์ ลินซ์บ้าง ปีเตอร์ ลินซ์ ได้แบ่งปันประสบการณ์ในการบริหารพอร์ตลงทุนมาตลอดชีวิตของเขาไว้ในหนังสือที่เขาเขียนขึ้นหลายเล่ม ซึ่งหนังสือเล่มหนึ่งที่ถือว่าเป็นหนังสือขายดีและสร้างชื่อเสียงให้กับเขาในฐานะของนักเขียนหนังสือที่เกี่ยวกับการลงทุน ก็คือ One Up on Wall Street ในหนังสือเล่มนี้ ปีเตอร์ ลินซ์ได้บอกถึง กฎ 25 ข้อ ซึ่งถือเป็นกฎเหล็กในการลงทุนของเขาไว้อย่างน่าสนใจมาก นักลงทุนทั่วโลกต่างก็นำกฎเหล็กทั้ง 25 ข้อนี้ไปศึกษาและปฏิบัติตาม
วันนี้เราจะนำกฎเหล็กในการลงทุนแบบฉบับของปีเตอร์ ลินซ์ ข้อที่น่าสนใจมาลงไว้ให้อ่านกันค่ะ
-
ผลกำไรและราคาหุ้นของบริษัทสัมพันธ์กันในระยะยาว 100%
กฎข้อนี้สามารถอธิบายให้ผู้ที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับราคาของหุ้นบางตัวที่ไม่ขึ้นหรือลงไปตามผลประกอบการที่บริษัททำได้ แต่กลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม เช่น ผลประกอบการดีแต่ราคาหุ้นไม่เห็นไปไหน หรือผลประกอบการไม่ดี แต่หุ้นวิ่งเอา ๆ ปีเตอร์ ลินซ์ได้บอกถึงกฎข้อนี้ไว้ว่า ผลกำไรของบริษัทกับราคาหุ้นอาจไม่สัมพันธ์กันในระยะสั้น ไม่ว่าจะเป็นเดือนหรือเป็นปี แต่ในระยะยาวผลกำไรของบริษัทกับราคาหุ้นจะต้องสัมพันธ์กันแน่นอน 100% นั่นเป็นการยืนยันว่าหากเราเลือกลงทุนในบริษัทที่มีแนวโน้มที่ดี มีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง และมีความสามารถในการทำกำไร สุดท้ายมันจะส่งผลออกมาให้เห็นในราคาหุ้นอย่างแน่นอน กฎข้อนี้เป็นการย้ำกับนักลงทุนว่าการเลือกลงทุนในหุ้นตัวใดก็ตามถ้าอยากให้ได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว การวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
-
อย่าถือหุ้นจำนวนมากเกินกว่าที่เราจะดูแลไหว
ปีเตอร์ ลินซ์ เปรียบการถือหุ้นเหมือนกับการมีลูก หากเรามีลูกมากเกินไป ก็จะเป็นภาระในเรื่องค่าใช้จ่ายและการดูแล ทำให้แทนที่จะเลี้ยงลูกได้ดีมีคุณภาพ กลับกลายเป็นว่าให้ความใส่ใจดูแลไม่ทั่วถึงกัน ปีเตอร์ ลินซ์เปรียบเรื่องมีลูกนี้เหมือนกับการถือหุ้น เราต้องตั้งกฎไว้ว่าเราควรถือหุ้นในจำนวนที่เราสามารถดูแลไหวเท่านั้น เพราะคุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ การถือหุ้นไว้มากหลายสิบตัวทำให้เป็นไปไม่ได้ที่เราจะดูแล รับข่าวสาร หรือวิเคราะห์หุ้นเหล่านั้นได้อย่างทั่วถึง จำนวนหุ้นที่เหมาะสมที่นักลงทุนควรจะถือและดูแลได้น่าจะไม่เกิน 7-10 ตัว
-
อย่าลงทุนจนกว่าจะหาหุ้นที่น่าลงทุนให้ได้ก่อน
คนส่วนใหญ่ที่ใจร้อนอยากเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเพราะอยากรวยเร็วคงจะต้องย้ำกฎข้อนี้ของปีเตอร์ ลินซ์ให้ฟังกันสักหน่อย ปีเตอร์ ลินซ์ เขาบอกไว้เลยว่า หากว่ายังหาหุ้นที่น่าลงทุนไม่ได้ ให้เอาเงินไปฝากธนาคารรอไว้ก่อนจนกว่าจะหาเจอ การลงทุนในหุ้นนั้นมีความเสี่ยงเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ดี แต่ต่อให้หุ้นดี ๆ ที่น่าสนใจลงทุนจริง ๆ ยังไม่มี หลายคนกลับคิดว่าลงอะไรไปก่อนก็ได้ ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง การเลือกเก็บเงินลงทุนไว้ในที่ปลอดภัยก่อน เช่น ฝากธนาคาร แล้วเมื่อไหร่ที่เราเจอหุ้นสุดเจ๋งที่มันน่าลงทุนจริง ๆ ค่อยถอนเงินธนาคารออกมาตอนนั้นก็ยังไม่สายเกินไป
-
อย่ากังวลกับปัจจัยภายนอกมากเกินไป
นักลงทุนหลายคนที่ได้ตัดสินใจเลือกลงทุนในหุ้นที่ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อมีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบกลับมีความกังวล ใจไม่นิ่งพอ ทำให้ตัดสินใจผิดพลาด ปีเตอร์ ลินซ์ ได้บอกไว้นักลงทุนควรจะขายหุ้นทำกำไรก็ต่อเมื่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น ไม่ใช่ปัจจัยอื่น ๆ เขายังบอกอีกว่าไม่มีใครสามารถคาดเดาหรือทำนายตัวเลขเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย หรือแนวโน้มตลาดหุ้นได้ ดังนั้นขอให้นักลงทุนติดตามหุ้นที่เราลงทุนไปอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องเท่านั้น
-
หลีกเลี่ยงหุ้นร้อนอุตสาหกรรมแรง
ปีเตอร์ ลินซ์ ได้บอกไว้ถึงความสำเร็จของนักลงทุนในระยะยาวจะเกิดจากการเลือกลงทุนในหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโตช้า ๆ และน้อย แต่เติบโตอย่างต่อเนื่อง มากกว่าอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่มาแรง เป็นหุ้นร้อนที่ฮิตแห่ลงทุนกัน
-
ถ้าอยากลงทุนแต่ไม่มีเวลาให้ซื้อกองทุน
นักลงทุนที่ไม่มีเวลาในการหาหรือวิเคราะห์หุ้น แต่ต้องการอยากลงทุนในตลาดหุ้น ปีเตอร์ ลินซ์ได้ให้คำแนะนำไว้ว่าสามารถทำได้ โดยให้เลือกลงทุนในกองทุนหุ้นแทนและเลือกกองทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี
-
หุ้นตกเป็นเรื่องธรรมชาติเหมือนกับฝนตก
กฎข้อนี้เหมือนเป็นสัจธรรมที่ให้ไว้กับนักลงทุนทุกคนว่าเรื่องหุ้นตกเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเกิดขึ้นจริง ๆ คนที่อยู่ในตลาดหุ้นมายาวนานเป็นสิบปีอย่างปีเตอร์ ลินซ์ ที่ได้เห็นวัฏจักรของหุ้นว่ามีขึ้นมีลง หุ้นตกได้ก็ขึ้นได้ ถ้าเราเข้าใจกฎข้อนี้ก่อนเลย เมื่อถึงเวลาที่หุ้นมันเป็นไปตามวัฏจักรของมัน เราก็จะไม่ตัดสินใจแบบวู่วาม
หลายคนที่แม้ว่าจะเป็นนักลงทุนหุ้นมานานหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเสียที พอร์ตยังมีมูลค่าเท่าเดิม บางคนก็กำไรนิดหน่อย หรือบางคนกลับพบว่าพอร์ตเราขาดทุนไปเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะคิดอะไรต่อไปหรือเข็ดขยาดกับตลาดหุ้น ให้ลองอ่านกฎการลงทุนในแบบฉบับของปีเตอร์ ลินซ์ ดูอีกสักครั้ง ที่จริงแล้วหลายข้อก็ไม่ต่างจากแนวคิดในการลงทุนของนักลงทุนที่เก่ง ๆ ระดับคนอื่น ๆ เลย เมื่ออ่านแล้วก็ลองหันมาทบทวนดูว่าเราใช้กฎเดียวกันกับปีเตอร์ ลินซ์หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ลองปรับเปลี่ยนมาตั้งกฎในการลงทุนแบบฉบับของตัวเองดู ไม่แน่ว่าเราจะมีโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นได้เหมือนกัน