การเล่นหุ้นเป็นการใช้ทั้งวิชาการความรู้และประสบการณ์อย่างมาก และยังต้องมีการเก็บเกี่ยวทั้งประสบการณ์และความรู้สั่งสมในตลาดหุ้น นอกจากนี้ผู้เล่นหุ้นยังจำเป็นต้องมีเงินเย็นเก็บสำรองไว้บัญชีเพื่อเล่นหุ้นอีกด้วย แต่หากผู้ใดที่ไม่มีเงินเย็น การกู้เงินเพื่อมาเล่นหุ้นโดยเฉพาะ นับว่าเป็นความเสี่ยงที่ไม่ควรทำตามอย่างยิ่ง ตามที่เจ้าของกระทู้ “แชร์ประสบการณ์ ผลจากการกู้เงินสหกรณ์มาเล่นหุ้น (http://pantip.com/topic/32185347)” ได้แนะนำไว้
ประสบการณ์จากเจ้าของกระทู้
เจ้าของกระทู้ที่มีชื่อว่า japanank ได้ทำการกู้เงินให้กับสหกรณ์ในปี 2555 เป็นเงิน 580,000 บาท โดยเสียดอกเบี้ยร้อยละ 6 เจ้าของกระทู้เริ่มต้นด้วยการเปิดบัญชีของบัวหลวง ประเภทแคช บาลานซ์ ประเภทไม่มีขั้นต่ำ จากการเล่นหุ้นที่ผ่านมา เจ้าของกระทู้พบว่าตนเองซื้อขายหุ้นสองวันต่อหนึ่งสัปดาห์ โดยเงินจะหมุนเวียนอยู่ในพอร์ตหุ้นเท่านั้น ส่วนที่ได้รับจากการเล่นหุ้น คือ เงินปันผลที่เข้าบัญชี พอร์ทโดยรวมนั้นมีทั้งได้กำไรและขาดทุน บางครั้งมีการได้รับกำไร 70,000 บาท แต่บางครั้งก็ขาดทุนถึง 50,000 บาท หลังจากผ่านช่วงนั้นมา พอร์ทเองก็เริ่มกลับมาบวกหลังจากการเกิดรัฐประหารทำให้ได้กำไร 30,000 บาท เจ้าของกระทู้ตัดสินใจไม่ขายหุ้นที่ได้กำไรในพอร์ต เนื่องจากมีความตั้งใจว่าต้องการให้พอร์ตได้กำไรถึง 50,000 บาท ทั้งนี้ก็เพราะว่าเจ้าของกระทู้ต้องการให้ได้จำนวนเงินมากที่สุด
หลังจากนั้นมีความพลิกผันของเหตุการณ์ โดยเจ้าของกระทู้บอกกับเซียนหุ้นท่านหนึ่งว่าหุ้นจะมีการกลับตัวลง ทำให้เจ้าของกระทู้ตัดสินใจล้างพอร์ต (ขายหุ้นที่มีอยู่ทั้งหมดในพอร์ต) ส่วนใหญ่แล้วเจ้าของกระทู้จะขายราคา ATO (ราคาปิด) แต่อาจมีหุ้นบางส่วนที่เจ้าของกระทู้ตั้งราคาในภายหลัง
ในส่วนของการขายหุ้นที่เจ้าของกระทู้ตัดสินใจนั้น เจ้าของกระทู้บอกกับเพื่อนสมาชิก Pantip ว่า เป็นการตัดสินใจที่ไม่ดีนัก เนื่องจากได้หุ้นที่เป็นราคาต่ำสุดของวันหลายตัวเลยก็ว่าได้ หากตั้งขายระหว่างวันจะได้ราคาที่แพงกว่านี้
ทั้งนี้เจ้าของกระทู้ได้สรุปเหตุการณ์การเล่นหุ้นของตนในช่วงระยะเวลา 3 ปี ดังนี้
1.เจ้าของกระทู้ได้เงินกลับคืนมาในพอร์ต 659,496 บาท จากเงินต้น 580,000 บาท
2.เจ้าของกระทู้ได้เงินปันผลรวม 16,782 บาท โดยเงินจำนวนนี้มีการรวมเครดิตภาษีหุ้นด้วย เนื่องจากรายได้ไม่ถึงการหักภาษี
3.เจ้าของกระทู้เสียเงินค่าดอกเบี้ยให้กับสหกรณ์ 77,686 บาท
4.เจ้าของกระทู้มีผลกำไรจากการเล่นหุ้นทั้งสิ้น 106,278 บาท แต่เนื่องจากต้องเสียดอกเบี้ย 77,686 บาท เท่ากับได้เงินทั้งสิ้นจากการเล่นหุ้น 28,592 บาท
ซึ่งเจ้าของกระทู้ได้สรุปอุทาหรณ์จากการเล่นหุ้นว่าเปรียบเสมือนการหาเงินให้กับสหกรณ์อย่างแท้จริง
คำตอบจากเพื่อนสมาชิก
- คำตอบจากสมาชิก Pantip ฉอยจ้า เจ้าของความคิดเห็นที่ 2 ได้แนะนำเจ้าของกระทู้ว่า
เจ้าของกระทู้ไม่ต้องออกเงินของตนเองหรือไม่เข้าเนื้อก็นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะการกู้เงินสำหรับเล่นหุ้นเป็นสิ่งที่เสี่ยงมาก ไม่ว่าจะเป็นการห่วงหน้า พะวงหลัง รวมไปถึงภาวะตลาดที่อาจไม่เป็นไปตามคาด และดอกเบี้ยที่ต้องส่ง
- คำตอบจากสมาชิก Pantip ชื่อว่า qercer เจ้าของความคิดเห็นที่ 12 ได้แนะนำเจ้าของกระทู้ว่า
เป็นการกระทำที่เสี่ยงมาก เนื่องจากดอกเบี้ย 70,000 บาท กำไรเพียง 20,000 บาท ซึ่งหากพลาดเล็กน้อยก็อาจมีโอกาสเข้าเนื้อมากที่สุด qercer มองว่าการกู้สำหรับลงทุนทำธุรกิจนับว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง แต่หากกู้มาเพื่อลงทุนในหุ้นนั้นเจ้าของความคิดเห็นนี้มองว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากหุ้นเป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องสูงมาก อาจทำให้ราคาไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ทั้งนี้สมาชิก Pantip ที่ชื่อว่า qercer มีความเห็นส่วนตัวว่าหากทำกำไรได้ 70,000 บาท หลังจากจ่ายดอกเบี้ยแล้ว นับว่าเป็นการลงทุนที่น่าเสี่ยงมากกว่า ทั้งนี้ qercer ได้บอกกับเจ้าของกระทู้ว่าการเล่นหุ้นด้วยเงินทุนจากการกู้เงินหากเป็นตลาดขาขึ้น นับว่ายังพอจะได้ผลกำไรบ้าง แต่หากเล่นในช่วงตลาดหุ้นขาลง นับว่าอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้ ทั้งนี้เจ้าของความคิดเห็นนี้บอกว่าควรเลิกการกระทำนี้จะดีกว่า เนื่องจากอนาคตอาจไม่โชคดีดังเช่นวันนี้ก็เป็นได้
- คำตอบจากสมาชิก Pantip ชื่อว่า คงถาวร เจ้าของความคิดเห็นที่ 18 ได้แนะนำเจ้าของกระทู้ว่า
สิ่งที่เจ้าของกระทู้ได้มาคือประสบการณ์และการได้ลองเล่นหุ้นจริง นอกจากนี้การไม่เสียเงินต้นที่กู้มาจากสหกรณ์ให้ตลาดนับว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐแล้ว โดยสมาชิก Pantip ชื่อว่า คงถาวร เองก็ได้เล่าประสบการณ์ว่าช่วงเริ่มต้นของตนเองก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่หลังจากที่มีประสบการณ์มากขึ้น โอกาสที่จะขาดทุนก็นับว่าลดน้อยลง มีการมองตลาดในระยะยาวมากกว่าเดิม ทั้งนี้เจ้าของความคิดเห็นนี้ได้กล่าวว่า ตนเองคิดว่าจากช่วงนี้ไปจนสิ้นปีหุ้นไทยจะยังคงเป็นขาขึ้น แต่อาจมีการปรับฐานบ้าง นอกจากนี้จากประสบการณ์ของสมาชิกท่านนี้ได้กล่าวว่า การมองเทรนด์ให้ถูกว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก หากเป็นเทรนด์ขาขึ้น หุ้นใดก็จะปรับราคาสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ในขณะเดียวกันหากเป็นช่วงเทรนด์ขาลง ไม่ว่าหุ้นใดก็จะปรับตัวลงเช่นกัน
จากกระทู้นี้จะเห็นว่าเจ้าของกระทู้ตัดสินใจพลาดที่เลือกกู้เงินเพื่อมาเล่นหุ้น ในช่วงเวลาสามปี หากคิดรายได้เฉลี่ยต่อเดือนจะพบว่าได้เดือนละ 700 บาท ซึ่งไม่คุ้มค่ากับความเครียด หากผู้ที่ต้องการเริ่มเล่นหุ้นไม่มีเงินทุน ควรเก็บเงินทุนให้ได้มากพอสมควรดีกว่าจะเล่นด้วยการกู้เงิน
สำหรับผู้ที่ต้องการเล่นหุ้น การศึกษาอุทาหรณ์จากการเล่นหุ้นนับเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ทั้งนี้ก็เพื่อให้มือใหม่ได้มีความระมัดระวัง และตัดสินใจได้ไม่ผิดพลาด