ผู้ที่เล่นหุ้นโดยส่วนใหญ่มักที่จะคุ้นชินต่อการ ซื้อมาถูกแล้วขายไปในราคาสูง ซึ่งทำให้หลาย ๆ คนจับจ้องมองหุ้นตัวที่ต้องการในราคาที่ถูกใจ แล้วเมื่อได้จังหวะก็จะเข้าช้อนซื้อโดยทันทีเพื่อเอาไว้ทำกำไรในอนาคต กลยุทธ์ในการเข้าซื้อเมื่อหุ้นนั้นปรับเพดานลดลง แล้วขายออดเมื่อเวลามันเด้ง สามารถใช้ได้ดีในยามที่ราคาหุ้นแกว่งตัวอยู่ในกรอบ และถ้าเป็นขาขึ้นก็จะยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพราะเวลาที่ราคามันเด้งก็จะสามารถกินเด้งนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนสามารถที่จะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งวิธีเหล่านี้มักจะเป็นวิธีพื้นฐานของนักเล่นหุ้นส่วนมากชอบใช้กันในตลาด แต่อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็ไม่ได้แน่นอนหรือเป็นไปตามที่กล่าวมาข้างต้นเสมอไป เพราะถ้าหากผู้เล่นไม่สามารถที่จะอ่านเกมให้ขาดได้ และยังใช้วิธีการเฉลี่ยต้นทุนก็อาจจะเสียหายได้อย่างมากมายเลยทีเดียว
ดังเช่นการเข้าซื้อกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่ผู้เล่นอาจจะมองว่ามั่นคงและให้ผลกำไรที่ดี ดูแล้วไม่ว่าจะมุมไหนทั้งข่าวการวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ หรือแม้แต่ผู้วิเคราะห์ท่านอื่น ๆ ก็ยังให้การยอมรับว่ามีความแข็งแรงทางด้านการเงินสูง และเมื่อผู้เล่นเข้าไปเปิดดูประวัติก็เห็นอยู่ว่าในช่วงขาขึ้นและทำไรให้บริษัทได้เป็นอย่างดีมาตลอด มีการเติบโตที่ต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งที่สะท้อนออกมาทั้งหมดทำให้ผู้เล่นพึงพอใจในหุ้นตัวนี้อย่างมาก จึงเข้าซื้อในจำนวนที่ค่อนข้างมากในขณะที่หุ้นมีอัตราการซื้อในราคาที่ถูกลงหรือย่อตัวลง และเมื่อหุ้นราคาลงมาอีกก็ซื้อซ้ำเข้าไปอีก เพราะมองเห็นว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีของการเข้าซื้อที่ได้หุ้นในราคาถูก โดยที่ไม่ได้มองถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องว่า ช่วงนั้นบริษัทนี้หรือเศรษฐกิจในช่วงนั้น ๆ เอื้อผลประโยชน์ต่อธุรกิจนี้หรือไม่
ผู้ซื้อแค่เพียงเข้าไปดูในช่วงระยะเวลาที่ผู้ซื้อเข้าใจไปเองว่าเป็นขาขึ้น ซึ่งก่อนหน้านั้นอาจจะเป็นขาลงของหุ้นตัวนี้อยู่ก็ได้ จนทำให้เกิดการผิดพลาดจากการอ่านไม่ขาด และสิ่งทำให้การลงทุนแย่กว่านั้นคือการที่ผู้ซื้อพยายามที่จะทำการถัวเฉลี่ยต้นทุน จากการเข้าซื้อรอบที่ 2 ในราคาหุ้นที่ถูกกว่าเดิม เพื่อหวังผลกำไรที่สูงขึ้นจากการที่ซื้อในราคาที่ถูกกว่าเดิม ถ้าหุ้นตัวที่ซื้อนี้อยู่ในช่วงขาลงแบบสุด ๆ ต่อให้เราซื้อมาในราคาที่ถูกแค่ไหน แต่ต้นทุนเฉลี่ยก็ไม่ได้ลงเร็วเท่ากับราคาหุ้น หรืออาจจะเลวร้ายไปมากกว่านี้จากการที่เมื่อถึงจุดคัทลอสแล้วผู้ซื้อก็ยังไม่ยอมขายทิ้งเพราะว่ากลัวที่จะขาดทุน แต่กลับยอมถือไว้ต่อจนตัวเองก็อาจขึ้นไปดอย ทำเอาหมดเนื้อหมดตัวและถอดใจไปได้ง่าย ๆ เช่นกัน ซึ่งผู้ซื้อเหล่านี้มักจะถูกเรียกว่าแมงเม่าที่บินเข้าสู่ กองหุ้น จนหมดตัว
อ่านเพิ่มเติม >> ตัดใจ Cut Loss ก่อน หุ้นติดดอย ยาวววว ! <<
ตัวต่อไปที่ถือว่าเป็นหุ้นที่ดูอันตรายและเล่นยาก แต่ในผู้มีความรู้กลับมองว่าเป็นหุ้นที่เล่นง่ายและสามารถทำรายได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมกับการถือครองที่ไม่ต้องใช้เวลานาน และมีความตื่นเต้นเร้าใจในการกระโดเข้าไปซื้อในทุกครั้ง ๆ จนในบางทีก็ไม่อาจจะกระพริบตาได้เลย ที่ว่าทั้งหมดนี้คือ หุ้นปั่น ที่มีการซื้อขายแบบหุ้นปกติแต่มีการพยายามซื้อขายเพื่อให้ราคามันสูงขึ้น หรือว่าลดลงเพื่อมุ่งหวังให้ไปในทิศทางของคนกลุ่มหนึ่ง เพราะการซื้อขายหุ้นจะมีการเปลี่ยนทิศทางได้นั้นไม่ว่าขึ้นหรือลงก็อยู่ที่การซื้อขาย เมื่อมีคนเข้าซื้อเยอะราคาหุ้นก็จะเพิ่มสูงขึ้น แต่เมื่อมีการเทขายออกมาเยอะก็จะทำให้หุ้นเริ่มมีราคาที่ตกลง จึงไม่ผิดนักที่หุ้นปั่นจะคือหุ้นที่มาจากการปั่นของใครหลาย ๆ คนที่พยายามดึงให้หุ้นตัวนั้นเป็นไปตามความคาดหมายของกลุ่มตัวเอง จนในบางทีก็มีการจัดตั้งขึ้นมาเป็นกลุ่มที่ติดต่อกันทางโซเชียลแล้วมีการตกลงส่วนแบ่งในการลงทุน เพื่อที่จะฟอร์มทีมในการปั่นหุ้นโดยเฉพาะ ซึ่งในผู้เล่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับกลุ่มเหล่านี้จึงต้องควรที่จะระมัดระวังการเข้าซื้อหุ้นเหล่านี้ให้ดีก่อนจะไหลไปตามกระแสของหุ้นนั้น ๆ ดังตัวอย่างกระทู้ในเว็บดังที่มีการตั้งหัวข้อสนทนาในการเล่นหุ้นปั่น เพื่อเข้าทำกำไร แต่ก็รู้สึกได้ถึงการที่จะไม่ได้รับการยอมรับมากนักจากเพื่อนสมาชิก ที่สามารถตามอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://pantip.com/topic/33397620
การเข้าซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ว่าผู้เล่นจะเล่นด้วยวิธีไหน หรือหุ้นตัวใดก็แล้วแต่ สิ่งที่ต้องคำนึงโดยเฉพาะในมือใหม่นั่นคือการศึกษาข้อมูลของตัวหุ้นที่อาจจะต้องอ่านยาวไปถึงข้อมูลรายละเอียดของทางบริษัททั้งหมด แนวโน้มการซื้อขาย หนี้สินทั้งหมดของบริษัทและรวมไปถึงการค้นข่าว ต่างๆที่ผ่านมาของทางบริษัทและข่าวโดยทั่วไปที่อาจเกี่ยวข้องกับตัวผลิตภัณฑ์ที่เราจะเข้าซื้อหุ้นเพื่อถือครองไว้ให้ดีเสียก่อน และเมื่อถึงเวลาที่ได้ก็ต้องพอใจในกำไรที่มีแล้วเลือกเวลาที่เหมาะสมในการเทขาย หรือต้องตัดใจเทขายทิ้งเมื่อถึงจุดต้องคัทลอสทันที อย่าเสียดายโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันปัญหาการติดดอยหรือการขาดทุนจนย่อยยับที่จะทำให้ผู้เล่นอาจช้ำใจจนต้องถอดใจทิ้งไปเลยก็เป็นได้