คนยังมีบุคลิกลักษณะนิสัยเป็นของแต่ละบุคคล แล้วทำไมหุ้นจะมีลักษณะของหุ้นบ้างไม่ได้ล่ะ ….. ที่บอกมาแบบนี้ก็เพื่อที่จะให้รู้ว่าหากเราอยากจะลงสนามเล่นหุ้นแล้ว เราก็ต้องรู้จักหุ้นแต่ละแบบด้วยว่ามีลักษณะเป็นยังไง เพราะเราจะได้จับจังหวะในการลงทุนในหุ้นแต่ละแบบได้ และยังสามารถ เล่นหุ้น เลือกให้ถูกกับนิสัยการลงทุนของเราอีกด้วย
จริงๆ ถ้าเราจะแบ่งหุ้นออกเป็นกลุ่ม ตามปัจจัยพื้นฐานนั้น สามารถแบ่งได้ถึง 5 กลุ่ม คือ
- แบ่งตามสิทธิการเรียกร้อง
- แบ่งตามลักษณะของกิจการ
- แบ่งตามสไตล์ของหุ้น
- แบ่งตามมูลค่าราคาตลาด
- แบ่งตามถิ่นฐานของผู้ลงทุนและตลาดที่ทำการซื้อขายหุ้น
- แบ่งตามประเภทของตลาดซื้อขายหุ้น
แต่สำหรับบทความนี้จะพูดถึงหุ้นที่แบ่งตามลักษณะของกิจการ เพราะน่าจะเป็นเรื่องที่ใกล้เคียงกับการเลือกหุ้นมาลงทุนของเราที่สุดแล้วมั้ง
โดยการแบ่งหุ้นตามลักษณะของกิจการนั้น เป็นการแบ่งที่ทำให้ทราบความคาดหวังและความเสี่ยงเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นแต่ละประเภทได้ ซึ่งมีการแบ่งหุ้นตามลักษณะของกิจการได้เป็น 5 กลุ่ม คือ หุ้นบลูชิพหรือหุ้นกิจการชั้นดี หุ้นเติบโต ราคาสูงแต่ไม่แพง หุ้นตั้งรับ ราคาเปลี่ยนแปลงตามทิศทางตลาดหุ้น หุ้นวัฎจักร ขึ้นแรงลงแรง หุ้นเก็งกำไร ตื่นเต้นทั้งกำไรและขาดทุน โดยแต่ละกลุ่มก็จะมีลักษณะเป็นของตัวเอง เรามาทำความรู้จักหุ้นแต่ละกลุ่มกันดีกว่า
อ่านเพิ่มเติม >>> เริ่มต้นเล่นหุ้น ไม่ใช่เรื่องยาก <<<
หุ้นบลูชิพ
เริ่มที่หุ้นบลูชิพ ถือได้ว่าเป็นหุ้นชั้นดี อัตราผลตอบแทนไม่ผันผวนและมักจะใกล้เคียงกับ SET Index เป็นหุ้นของบริษัทที่ตั้งมานาน มีปัจจัยพื้นฐานดี ซึ่งเราจะดูได้จากสถานะทางการเงินที่มั่นคง มีขีดความสามารถในการดำเนินงานที่ดี สามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่อง เป็นผู้ผลิตสินค้าหรือบริการที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพ เป็นที่นิยมโดยทั่วไป และเป็นผู้นำตลาด ตลอดจนผู้บริหารของบริษัทยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในด้านความสามารถและมีบรรษัทภิบาลในการประกอบธุรกิจ ซึ่งหุ้นบลูชิฟแบบนี้ น่าจะมีในพอร์ตอยู่บ้างสักตัว สองตัว ตามกำลังในการลงทุนของเรา เพราะส่วนใหญ่ราคามักสูงกว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ ตัวอย่างหุ้นในกลุ่มนี้ เช่น หุ้นปตท. หุ้น CP หุ้นปูนซีเมนต์ไทย เป็นต้น โดยหุ้นบลูชิพเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่คาดหวังให้พอร์ตลงทุนเติบโตอย่างสม่ำเสมอ
หุ้นเติบโต
ตามมาด้วยหุ้นเติบโต เป็นหุ้นที่ราคาสูง แต่ไม่แพง และอาจจะมีความสามารถสร้างกำไรเหนือตลาดได้ โดยหุ้นกลุ่มนี้เป็นหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นตัวอื่นๆ มักจะเป็นหุ้นของกิจการที่กำลังเจริญก้าวหน้า มีผลการดำเนินงานโดดเด่น แต่มักจะไม่จ่ายเงินปันผลหรือจ่ายน้อย เพราะจะต้องนำกำไรสะสมที่ได้ไปใช้ขยายกิจการ สำหรับความเสี่ยงของหุ้นกลุ่มนี้ คือ ผู้ลงทุนต้องพร้อมรับความเป็นจริงด้วยหากอัตราการเติบโตของกิจการต่ำกว่าที่คาดหวัง อีกทั้งอาจจะไม่มีเงินปันผลมารองรับการตัดสินใจลงทุนที่อาจผิดพลาดได้
หุ้นตั้งรับ
ถัดมาเป็นหุ้นตั้งรับ หรือหุ้นที่ไม่ตกต่ำตามภาวะตลาด ก็คือ หุ้นที่อัตราผลตอบแทนจะไม่ลดลงหรือลดลงน้อยกว่าการลดลงของ SET Index ส่วนใหญ่เป็นหุ้นของบริษัทที่มีผลการดำเนินงานสม่ำเสมอ มีความเสี่ยงทางธุรกิจและทางการเงินต่ำ รวมทั้งยังมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลได้ดีกว่าหุ้นกลุ่มอื่นแม้ในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา หุ้นที่อยู่ในกลุ่มนี้มักจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการบริโภคขั้นพื้นฐาน เช่น อาหาร เครื่องดื่ม สาธารณูปโภค (ไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์) โรงพยาบาล เครื่องใช้ภายในบ้าน จำพวกสบู่ ยาสีฟัน กระดาษชำระ และกลุ่มธุรกิจค้าปลีก เป็นต้น
หุ้นวัฎจักร
ก่อนจบมารู้จักหุ้นวัฎจักร เป็นหุ้นที่เมื่อขึ้นก็จะขึ้นแรง เวลาลงก็ลงแรงเหมือนกัน เพราะเป็นหุ้นที่อัตราผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงมากกว่าอัตราผลตอบแทนของ SET Index ทั้งขาขึ้นและขาลง ส่วนใหญ่หุ้นกลุ่มนี้มักจะเป็นกิจการที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีได้รับอิทธิพลโดยตรงจากวงจรเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ยอดขายและกำไรจะสูงมากในช่วงที่เศรษฐกิจดี และอาจจะตกลงจนถึงขั้นปิดกิจการก็เป็นได้ในภาวะที่เศรษฐกิจซบเซา หุ้นในกลุ่มนี้ก็จะเป็นพวก หุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน วัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ เหล็ก หรือเครื่องจักรหนัก โรงแรม เป็นต้น ซึ่งจะเหมาะกับผู้ลงทุนที่นิยมซื้อขายในภาวะตลาดผันผวน
หุ้นเก็งกำไร
และสุดท้ายหุ้นเก็งกำไร เป็นหุ้นที่ตื่นเต้นทั้งกำไรและขาดทุน คือ ถ้าได้ก็ไดมาก ถ้าเสียก็เสียมากเช่นกัน เพราะหุ้นเก็งกำไร ก็คือ หุ้นที่มีโอกาสสูงที่สร้างผลตอบแทนได้ต่ำหรือขาดทุน และมีโอกาสต่ำที่สร้างผลตอบแทนได้ปกติหรือสูงมาก ซึ่งนักลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะมีความหวังในแง่บวกเป็นส่วนมากว่าราคาหุ้นจะต้องขึ้นมาแบบฉับพลัน หรือถูกหวยรางวัลที่หนึ่งก็ว่าได้ หรือได้หุ้นที่ราคามันขึ้นแบบ 10 เด้ง 15 เด้ง โดยมีปัจจัยหรือเหตุผลต่างๆ มาสนับสนุน เช่น การฟื้นตัวของกิจการ การเปลี่ยนผู้บริหารหรือโครงสร้างธุรกิจ หรือแม้แต่จะเป็นข่าวลือต่างๆ ก็อาจทำให้ราคาของหุ้นขึ้นลงเร็วและแรงได้เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นเรารู้จักหุ้นแต่ละกลุ่มแล้ว ก็อย่าลืมเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับนิสัยใจคอของเรา และสภาพทางการเงินที่เราใช้ในการลงทุนด้วยนะ