เห็นคนอื่นๆ ที่ลงทุนในหุ้นชอบมาคุยให้ฟังว่า รอบนี้กำไรดี รอบนี้ได้เงินมาทำโน่นนี่นั่น เยอะแยะมากมาย แต่พอหันกลับมามองตัวเรา กลับมีคำถามว่าทำไมเราไม่เป็นแบบคนอื่นสักที ทำไมหุ้นที่เราซื้อมันชอบอยู่บนดอยจัง จะขายออกก็กลัว ได้แต่นั่งมองกระดานหุ้นทุกวัน รอราคาขึ้นแล้วค่อยขาย….แต่ยิ่งดูก็ยิ่งเครียด … พักหน้าจอหุ้นไว้ก่อน แล้วมาสำรวจตัวเองดีกว่า จะได้รู้ว่า ทำไมลงทุนในหุ้นแล้วไม่รวย หรือไม่ประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่นสักที
ก่อนอื่นถามตัวเองเลยว่าที่เรามาลงทุนในหุ้นเรามีความรู้เพียงพอหรือเปล่า หุ้นที่เราซื้อนั่นเรารู้จักธุรกิจดีพอหรือยัง หรือว่าเข้ามาซื้อเพราะเห็นเพื่อนเล่นแล้วรวย ก็เลยมาเล่นบ้าง เพื่อนซื้อหุ้นตัวไหนก็ซื้อตาม เพื่อนขายตัวไหนก็ขายตาม ถ้าเป็นแบบนี้ลงทุนในหุ้นไปเท่าไรก็ไม่รวย ก็ไม่ประสบความสำเร็จได้ เราอย่าลืมไปว่าช่วงปี 2553-2556 เป็นช่วงที่เราเรียกตลาดหุ้นว่าตลาดกระทิง คือ ดัชนีวิ่งจาก 800 กว่าจุดไปเป็น 1,600 จุด ซึ่งมักจะได้ยินคนที่เล่นหุ้นส่วนใหญ่พูดว่าซื้อตัวไหนก็รวย แต่ปัจจุบันนี้ ณ พอ.ศอ. นี้ มีเหตุการณ์ต่างๆ รุมเร้าตลาดหุ้นเสียเหลือเกิน เพราะฉะนั้นก่อนจะเล่นก็ต้องหาความรู้กันสักหน่อย
นอกจากความรู้เรื่องหุ้นที่มีแล้ว อ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับหุ้นแล้ว อ่านทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นบทความวิเคราะห์พื้นฐานของหุ้น การวิเคราะห์ทางเทคนิคของหุ้น ซึ่งแน่นอนเลยว่าตอนเริ่มเล่นกันใหม่ๆ สิ่งที่ง่ายต่อการเรียนรู้ธุรกิจก็คือ การดูพื้นฐานของหุ้นที่เราสนใจ อ่านจากงบการเงิน ดูอัตราส่วนทางเงินต่างๆ แต่เรากลับลืมกันไปอย่างหนึ่งว่างบการเงินมันสามารถตบแต่งกันได้ ดูอย่างบริษัทใหญ่ๆ ที่เป็นข่าวที่เจ๊งกันเสียส่วนใหญ่ก็เพราะการแต่งงบการเงินนั่นแหละ เพราะฉะนั้นประสบการณ์การลงทุนก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากว่าตลาดหุ้นไม่มีสูตรสำเร็จแน่นอนในการเล่น เพราะการเล่นหุ้นมันคือเกมการต่อสู้ทางการเงิน ใครที่เป็นหมูก็จะถูกเชือดออกไปจากเกม ถ้าเราลองมานึกดูกันเล่นๆ ว่าถ้ามีสูตรตายตัว ดูกราฟแล้วมันเป็นแพทเทิร์นที่บรรดาเซียนหุ้นทั้งหลายซื้อขายกัน ป่านนี้บ้านเราน่าจะมีเศรษฐีเดินชนกันให้เกลื่อนถนนกันบ้าง
ดังนั้นการเล่นหากต้องการเป็นผู้ชนะในตลาด เราต้องเอาทุกอย่างมาประยุกต์เข้าด้วยกัน ทั้งความรู้และประสบการณ์ เราจะต้องเอาข้อมูลจากหลายๆ แหล่งมารวมกันแล้ววิเคราะห์แบบมีหลักการ มีเหตุมีผล เพื่อให้เรารับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการลงทุนน้อยที่สุด และที่สำคัญอีกอย่างอย่าอ่อนไหวกับข่าวลือต่าๆ ให้มาก ได้ยินข่าวอะไรมาก็ต้องฟังหูไว้หู อย่าวู่วาม ไม่งั้นจะเป็นหมูเอาได้ง่ายๆ
จำกันได้หรือเปล่ามีข่าวลืออันเป็นอัปมงคลให้ห้องค้า เลยทำให้วันนั้นทั้งวันหุ้นลงเป็น 100 จุดกันเลยทีเดียว ทำให้วันนั้นยอมขายทุกราคาที่ขายได้ แล้วเป็นงั้ย พอขายปุ๊บ หุ้นก็ขึ้นมาปั๊บ ศัพท์ในตลาดเรียกว่า “ขายหมู” แต่ถ้าคนที่หนักแน่นรอฟังความจริง ไม่ใจร้อน ไม่หูเบา ยอมติดดอยในวันที่เกิดข่าวลือ สุดท้ายก็กลับมาเป็นกำไร เพราะว่าข่าวลือนั้นเป็นข่าวลวง
หรือจะเป็นช่วงที่การเมืองไม่สงบก็จะมีข่าวลือต่างๆ นานา มีการเล่นกีฬาสี เดินพาเหรดกันในเมือง แล้วก็มีข่าวลือบ้างว่าจะยุบสภา จะปฏิวัติบ้าง SET Index ที่ว่าจะไปถึง 1,500 จุดในรอบเช้า กลับติดลบเกือบ 30 จุดได้ในช่วงบ่าย ก็เพราะมีการปล่อยข่าวว่าจะยุบสภา
เห็นกันหรือเปล่าว่าตลาดหุ้นไม่หมูอย่างที่คิด อย่างที่ใครหลายคนมาเล่าให้ฟังว่ารวยจากการเล่นหุ้น เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะรวยหรือประสบความสำเร็จจากการเล่นหุ้น ก็ต้อง มีทั้งความรู้ ประสบการณ์ จิตใจที่มั่นคง ไม่โลภมาก เพื่อที่จะไม่ต้องพ่ายแพ้ให้แก่พวกเสือ สิงห์ กระทิง แรด ทั้งหลายในตลาด