ถ้าพูดถึงโค้ช ที่ดังที่สุดอยู่ในตอนนี้ ต้องมีชื่อของโค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แห่งกีฬาฟุตบอล ติดท๊อปเทนอยู่ด้วยแน่ๆ อีกคนหนึ่งคือโค้ชอ๊อด แห่งทีมวอลเล่ย์บอลหญิงไทย ที่ก้าวไกลไปในระดับโลกแล้ว โค้ชเป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากในการทำทีมให้ประสบความสำเร็จ นอกจากกีฬาแล้ว เดี๋ยวนี้เรามักได้ยินเกี่ยวกับโค้ชสอนเขียนหนังสือ โค้ชฝึกสอนเรื่องการเงิน โค้ชสอนทำธุรกิจ โค้ชสอนร้องเพลง นับได้ว่าโค้ชมีบทบาทในการพัฒนาและช่วยลูกทีมในหลายๆด้าน ในส่วนของการเล่นหุ้นล่ะ จำเป็นต้องมีโค้ชไหม
จริงๆแล้วในต่างประเทศ มีคนประกอบอาชีพโค้ชให้กับนักเล่นหุ้นมากมาย และมีมานานแล้ว ส่วนในเมืองไทย เพิ่งจะมีหรือเปิดเผยตัวตนให้เรียกขานกัน ตามกระแส แต่โค้ชสำหรับนักเล่นหุ้นมีความแตกต่างกับโค้ชด้านอื่นๆตรงที่ มักจะมีคำถามว่า ถ้าโค้ชเก่งจริง จะมานั่งสอนเก็บตังส์จากลูกศิษย์ทำไม นั่งเล่นหุ้นเองอยู่กับบ้านไม่รวยกว่าหรือ เรื่องนี้มองได้หลายมุม ขึ้นอยู่กับว่าพูดกันในบริบทใด ถามว่า เล่นหุ้นต้องมีโค้ชไหม ขึ้นอยู่กับความต้องการและความตระหนักของนักเล่นหุ้นเองว่าต้องใช้โค้ชไหม มาดูกันว่า โค้ชมีบทบาทต่อนักเล่นหุ้นอย่างไร
หน้าที่ของโค้ชหลักๆคือ ช่วยพาลูกทีมหรือลูกศิษย์ไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งเป้าหมายของลูกทีมแต่ละคนก็แตกต่างกันไป และพื้นฐานของลูกทีมแต่ละคนก็แตกต่างกันไปด้วย แน่นอนว่าเป้าหมายของนักเล่นหุ้นทุกคนคือ ต้องการความร่ำรวย ต้องการซื้อขายให้ได้กำไร นั่นคือเป้าหมายของนักเล่นหุ้นทั่วไป การที่โค้ชจะช่วยให้ลูกทีมพบกับความร่ำรวยได้นั้น เป็นเป้าหมายที่กว้างมากๆ ถ้าจะเอาแบบนี้จริงๆ คงต้องใช้เวลาฝึกกันหลายปี บางทีอาจเป็น 10 ปีก็ได้ หรือบางครั้งอาจไม่ประสบความสำเร็จเลยก็ได้ เพราะเรื่องของความร่ำรวย เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลจริงๆ เปรียบเทียบกันได้ยาก นักเล่นหุ้นกับโค้ชต้องมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ที่สำคัญต้องเข้าใจธรรมชาติและความเป็นจริงของตลาดหุ้นด้วยว่า ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะสามารถสร้างความร่ำรวยจากตลาดหุ้น หากเราไม่มีความรู้เกี่ยวกับการเล่นหุ้นเลย แล้วจะมาให้โค้ชฝึกแล้วหวังจะรวยเลยนั้นเป็นเรื่องยาก คงไม่มีโค้ชคนไหนทำได้ การเล่นหุ้นนั้นมีระดับเลเวลเช่นเดียวกับนักกีฬา หรืออาชีพอื่นๆ ที่ต้องเริ่มต้นจากขั้นพื้นฐาน
หากนักเล่นหุ้นพอมีพื้นฐานแล้ว โค้ชจะช่วยยังไงต่อ
จริงๆต้องดูเป็นกรณีไป เพราะหุ้นไม่มีระบบการวัดและตัดสินที่ชัดเจนเหมือนกีฬา ต้องมาว่ากันเป็นเรื่องๆไป เช่น นักเล่นหุ้นยังอ่อนหรือขาดประสบการณ์ด้านไหน ก็มาวางโปรแกรมการฝึกในด้านนั้น หรืออยากเก่งเฉพาะเจาะจงในเรื่องไหน โค้ชก็จะช่วยในด้านนั้น เป็นต้นว่า นักเล่นหุ้นอยากเก่งเรื่องเดย์เทรด โค้ชก็จะมาวางโปรแกรมการฝึกเดย์เทรดให้ ซึ่งไม่ใช่ว่าโค้ชจะเป็นคนกำหนดทุกอย่าง ต้องขึ้นกับลูกทีมคนนั้นด้วยที่มีรูปแบบหรือสไตล์การเทรดแบบไหน ถนัดเครื่องมือการเทรดชนิดใดมากเป็นพิเศษ ก็จะนำสิ่งที่นักเล่นหุ้นคนนั้นมีอยู่แล้วมาต่อยอด โค้ชก็มีหน้าที่ วิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินผล ในขั้นต้นคงไม่ได้โฟกัสไปที่ผลการเทรดว่ากำไรหรือขาดทุน สิ่งที่ต้องเน้นเป็นพื้นฐานสำหรับนักเล่นหุ้นคือ แผนการซื้อขาย ว่านักเล่นหุ้นมีวินัยในการทำตามแผนหรือไม่ คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่ไม่มีแผน ไม่มีวินัย หรือมีแผน แต่ไม่ทำตาม ถ้าเล่นหุ้นอยู่บ้านคนเดียวไม่มีใครรู้เห็นว่าเราซื้อๆขายๆอะไร กำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครสนใจ แต่ถ้ามีโค้ช นักเล่นหุ้นจะทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้แล้ว เพราะอย่างน้อยก็มีโค้ชที่ต้องคอยวัดและประเมินผลงานของเรา
ที่กล่าวมาเป็นเพียงขอบเขตกว้างๆในการนำมาโค้ชมาช่วยพัฒนาการเล่นหุ้นของเรา ถามว่าจำเป็นไหม โค้ชคงไม่จำเป็นสำหรับนักเล่นหุ้นทุกคน แต่สำหรับคนที่เห็นความสำคัญของโค้ช และคิดว่าโค้ชจะสามารถช่วยยกระดับและพัฒนาการเล่นหุ้นของตัวเองได้ ก็เรียกหาใช้บริการจากโค้ชสำหรับนักเล่นหุ้นได้ แต่วงการโค้ชเกี่ยวกับหุ้นในเมืองไทยยังใหม่อยู่มาก ต้องค่อยๆศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับโค้ชไปเรื่อยๆ จนได้โค้ชที่ถูกใจและเข้ากับเราได้ดีที่สุด ถ้าหาโค้ชแบบนี้เจอ เชื่อแน่ว่า การเล่นหุ้นของเราจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดแน่นอน