ที่ต้องหยิบยกเรื่องเรียนพิเศษของเด็ก ๆ ขึ้นมาพูดกันในวันนี้ก็เพราะการเรียนพิเศษดูเหมือนว่าจะกลายเป็นวาระแห่งชาติของเด็ก ๆ กันไปเสียแล้ว เหตุผลที่ธุรกิจเกี่ยวกับการสอนพิเศษในประเทศไทยเฟื่องฟูกันขนาดนี้ก็เป็นเพราะค่านิยมของผู้ปกครองในการส่งลูกหลานเรียนพิเศษกันเยอะ ๆ นี่แหละ ทั้งครูอ๊อบ ครูวุ้น ครูรส ครูเปิ้ล ครูเอก คือ ชื่อครูเยอะมาก ใครอยู่ในวงการเรียนพิเศษที่ไปถามได้เลยว่าครูคนไหนสอนวิชาไหนดี รับรองตอบได้หมด แถมด้วยรายละเอียดอีกร้อยแปดพันประการว่าครูสอนอยู่ที่ไหนบ้าง ค่าเรียนเท่าไหร่ต่อคอร์ส ครูบางคนสอนเก่งมาต้องจองคอร์สกันข้ามปีก็มี
ส่วนเด็ก ๆ นี่ก็นอกจากจะต้องไปเรียนที่โรงเรียนสัปดาห์ละ 5 วัน จันทร์ถึงศุกร์ตั้งแต่เช้าถึงเย็น หลายคนก็ต้องเรียนพิเศษเย็นต่อถึงค่ำ เด็กบางคนเรียนถึงทุ่มสองทุ่ม แถมเสาร์อาทิตย์ยังมีเรียนพิเศษข้างนอกอีกเต็มวันบ้างครึ่งวันบ้าง ตอนบ่ายหรือเย็นก็มาเคลียร์การบ้านงานคั่งค้างจากโรงเรียน ดูแล้วไม่แน่ใจว่าเด็กจะได้มีเวลาพักผ่อน ดูหนัง วิ่งเล่นในตอนไหนบ้างหรือจะมีเวลาได้เจอหน้าพ่อแม่บ้างหรือเปล่าด้วย กลายเป็นว่าโรงเรียนเป็นบ้านหลังแรกที่เรียนพิเศษเป็นบ้านหลังที่สอง ส่วนบ้านจริง ๆ ไม่รู้ว่าหล่นไปอยู่อันดับที่เท่าไหร่ เพราะน่าจะเหลือเวลาอยู่เพียงแค่ตอนนอนเท่านั้น
นอกจากนั้นการเรียนพิเศษในสมัยนี้ยังเริ่มตั้งแต่เด็กยังเล็ก ๆ อยู่ชั้นอนุบาลก็ไปติวเข้า ป.1 กันเพื่อให้ได้เข้าโรงเรียนดี ๆ ต้องอ่านออกเขียนได้ก่อน พอเข้าเรียนได้ก็ต้องเรียนพิเศษต่อเพื่อให้เรียนทันเพื่อน ๆ เพราะทุกคนก็เรียนกัน พอถึง ป.5 ก็ต้องเตรียมไปเรียนพิเศษติวเข้มกันอีกเพื่อให้สอบเข้า ม.1 โรงเรียนดัง พอเข้าได้ก็ต้องเรียนพิเศษต่ออีก เพื่อให้เข้า ม.4 เตรียมอุดมหรือโรงเรียนรัฐบาลดัง ๆ ได้อีก คือ พูดง่าย ๆ ว่าเหมือนว่านอกจากการเรียนที่โรงเรียนแล้ว ก็ต้องเรียนพิเศษควบคู่ไปด้วยแทบจะตลอดชีวิตการเรียนเลย
อ่านเพิ่มเติม : ส่งลูกเรียนเสริม ทักษะ ต้องวางแผนการเงินกันก่อน
มุมมองต่อการเรียนพิเศษของผู้เขียนนั้น คิดว่าการเรียนพิเศษจำเป็นสำหรับเด็กที่เรียนอ่อนต้องการการทบทวนหรือทำซ้ำเพื่อทำความเข้าใจมากกว่าคนอื่น หรือเรียนเฉพาะแค่บางวิชาที่ต้องมีคนสอนหรืออธิบายจึงจะเข้าใจ อย่างวิชาที่อ่านหนังสือเองได้ก็ควรอ่านเอง และอย่างไรเวลาที่ใช้กับการเรียนพิเศษก็ไม่ควรมากจนทำให้ไม่เหลือเวลาที่จะทำกิจกรรมอย่างอื่นได้เลย เด็กที่ต้องนั่งเรียนอย่างเดียวเขาก็คงจะไม่สนุกแน่ ๆ เด็กยังต้องการการเรียนรู้จากกิจกรรมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นไม่ว่าจะเล่นคนเดียว เล่นกับพี่น้องหรือเล่นกับเพื่อน การออกกำลังกาย เล่นกีฬา เล่นดนตรี อ่านนิทาน การ์ตูน หรือหนังสืออื่น ๆ ที่มีประโยชน์ ฯลฯ
การเรียนพิเศษก็มีข้อดีหลายอย่าง
เช่น เรื่องการได้ทบทวนบทเรียนตลอดเวลาเพื่อให้พร้อมก่อนสอบ พ่อแม่บางคนก็ใช้ที่เรียนพิเศษเป็นที่ฝากลูกเพราะตัวเองไม่มีเวลาและมีพ่อแม่บางคนเช่นกันที่ให้ลูกไปเรียนพิเศษเพราะไม่อยากให้ลูกอยู่บ้านเล่นเกม แต่ละครอบครัวก็มีเหตุผลต่าง ๆ นานากันไป แต่การเรียนพิเศษนั้นก็มีข้อควรระวังอยู่เหมือนกัน เช่น เรื่องเวลาที่มีค่าของครอบครัวที่จะต้องเสียไป อีกทั้งเมื่อเด็กเรียนพิเศษก็มีโอกาสที่จะทำให้เขาไม่สนใจการเรียนแบบปกติในห้องเรียนได้ เพราะคิดว่าไม่รู้เรื่องอย่างไรเดี๋ยวก็ไปเรียนพิเศษเอาได้ รวมถึงการอยากเรียนรู้ด้วยตัวเอง เช่น การอ่านหนังสือก็จะน้อยลง เพราะคิดเหมือนกันว่าเดี๋ยวไปเรียนพิเศษ ครูก็สอนเองหรือมีอะไรก็ถามครูก็ได้ ก็จะทำให้ขบวนการเรียนรู้ด้วยตัวเองของเด็กอาจจะเสียไป
นอกจากเรื่องของเวลาที่หายไปกับการเรียนพิเศษแล้ว เรื่องเงินที่ต้องจ่ายค่าเรียนพิเศษอีกเคยคุยกับเพื่อนที่รู้จักกัน ตอนเย็นหลังเลิกเรียนเขาฝากครูที่โรงเรียนสอนพิเศษต่อจนถึงประมาณหนึ่งทุ่มตรง ครูคิดค่าเรียนวันละ 600 บาท ฝากทุกวัน 5 วัน สัปดาห์หนึ่งตก 3,000 บาท เดือนละหมื่นกว่าบาท นี่แค่ค่าเรียนพิเศษเย็น ยังไม่นับเรียนวันเสาร์หรืออาทิตย์อีก และก็ยังไม่ได้นับค่าเล่าเรียนปกติที่ต้องจ่ายให้โรงเรียนอีกปีละหลายหมื่นบาท และหากมีลูกหลายคนก็คูณเข้าไป ค่าเรียนพิเศษถือว่าเป็นเงินไม่น้อยเลย ที่คนเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องหามาจ่าย ธุรกิจสอนพิเศษถึงได้มีกำไรอยู่ได้ แถมมีคนคิดเปิดธุรกิจสอนพิเศษกันขึ้นมาจนมีมากมายอย่างกับเป็นดอกเห็ดเช่นทุกวันนี้
ก่อนตัดสินใจให้ลูกเรียนพิเศษควรตั้งคำถามก่อนว่าให้เรียนเพราะอะไร ถ้าไม่เรียนจะเป็นอะไรหรือเปล่าและมีวิธีอื่นที่ทำได้นอกจากเรียนพิเศษหรือไม่ บางครั้งเมื่อเราลองตอบคำถามเหล่านี้ดู เราอาจจะพบว่าที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องเรียนพิเศษเลยก็ได้
ไม่เฉพาะแค่ค่าเรียนพิเศษที่เกี่ยวกับการเรียนอย่างเดียว แต่ยังมีค่าเรียนกีฬา อย่างว่ายน้ำ ฟุตบอล เทควันโดบาสเกตบอล กอล์ฟ อีกมากมาย แล้วยังมีดนตรีอีก เปียโน ตีกลอง กีตาร์หรือศิลปะ วาดรูป ลงสีหรือปั้นดินน้ำมัน เอาแบบราคาย่อมเยาก็ตกชั่วโมงละ 300-500 บาท เดือนหนึ่งปีหนึ่งรวมเป็นเงินก็เยอะอยู่ หากเป็นครอบครัวที่มีฐานะทางการเงินมั่นคงอยู่แล้ว การจะให้ลูกเรียนพิเศษหรือเรียนดนตรีกีฬาหรือศิลปะอะไรเพิ่มเติมก็สามารถทำได้เพราะมีกำลังอยู่แล้ว แต่หากเป็นครอบครัวที่มีรายได้พอประมาณต้องมีการวางแผนการเงินให้ดี