ในยุคเศรษฐกิจแบบโลกาภิวัตน์ ที่มีการติดต่อสื่อสารไร้พรมแดนและมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างมหาสารอย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจประเทศหนึ่งมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลก สามารถไปกระทบภูมิภาคอื่นในประเทศอีกซีกโลกหนึ่งได้ สถานการณ์ เศรษฐกิจโลกปี 2559 จึงน่าจับตามองอย่างมากในแต่ละประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เพราะจะมีผลกระทบอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจโลก ตั้งแต่ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป จีน ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตโดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างอินเดีย อินโดนิเซีย รวมไปถึงเขตเศรษฐกิจต่างๆ ทั่วโลก ล้วนแล้วแต่มีผลต่อเศรษฐกิจโลกทั้งสิ้น
ปัจจัยที่ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังไม่มีความแน่นอน รวมถึงความผันผวนของตลาดทุน ประกอบกับราคาน้ำมันที่ลดลงเป็นประวัติการณ์ของโลก โดยราคาน้ำมันยังไม่มีแนวโน้นที่จะขยับตัวสูงขึ้นเลย ประเทศไทยเราจึงต้องติดตามดูสภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และวิเคราะห์แนวโน้นเศรษฐกิจโลกในแต่ละประเทศที่มีผลกระทบกับประเทศไทย เพื่อจะได้วางแผนทางด้านเศรษฐกิจได้อย่างถูกต้อง
สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นลำดับหนึ่งของโลก มีภาวะเศรษฐกิจถดถอยมาหลายปีจนถึงปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาก็ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควรแม้ประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีมาตรการต่างๆ ออกมา
โดย ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาจะมีการขี้นดอกเบี้ยแล้วก็ตาม แต่ฟื้นตัวก็เป็นไปอย่างช้าๆ นักวิเคราะห์ทางด้านเศรษฐศาสตร์ ส่วนใหญ่ว่าแนวโน้นโดยรวมของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาน่าจะใช้ระยะเวลานานหลายปี และก็ดูเหมือนว่าปัญหาเศรษฐกิจของอเมริกาจะส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆโดยรอบ รวมถึงประเทศไทยก็ด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้หากมีการเซฟการป้องกันภาวะเศรษฐกิจอย่างดี ก็อาจทำให้ไทยไม่ได้รับผลกระทบมากเกินไปก็ได้
จีนเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจเป็นลำดับสอง รองจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่ความเจริญทางด้านเศรษฐกิจอย่างมาก และต่อเนื่องมาจนถึงปี 2558 เกิดมีภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
เกิดความผันผวนในตลาดหุ้นจีนนักวิเคราะห์ทางด้านเศรษฐกิจ เตือนว่าอาจเกินฟองสบู่ในระบบเศรษฐกิจจีนได้ หรือมีการชะลอตัวไปอีกหลายปี ซึ่งไทยเองก็ต้องเตรียมรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในจีนด้วย เพื่อไม่ให้ไทยได้รับผลกระทบมากเกินไปนั่นเอง โดยเฉพาะในเรื่องของการค้าต่างๆ
ผลจากเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ทำให้เกิดผลกระทบเศรษฐกิจไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่เป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก อย่างประเทศไทย โดยก่อนหน้านั้นมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจอย่างมากประเทศไทยเราก็ได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย โดยเฉพาะสาเหตุหลักก็คือเศรษฐกิจของประเทศจีนเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยมี GDP ถึง 10 % ต่อปี ณ ปัจจุบัน GDP เริ่มลดลง ซึ่งประเทศจีนเป็นคู่ค้าสำคัญกับประเทศไทยเรา ถ้าประเทศจีนมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจดี ประเทศไทยเราก็จะได้อานิสงค์ไปด้วย เพราะประเทศไทยกับประเทศจีนมีการค้าขายกันมาตั้งแต่ในอดีตอย่างดีมาตลอด จึงน่าจับตามองเป็นพิเศษ และยังมีสหภาพยุโรป ตลอดจนประเทศในอาเซียนของเราด้วย ที่เราต้องวิเคราะห์ด้วยเพราะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอยู่ด้วยไม่มากก็น้อยที่เราต้องให้ความสำคัญด้วย เพราะประเทศเหล่านี้ก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน จึงทำให้การส่งออกของประเทศไทยเราต้องลดลงอย่างต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้ว และยังไม่มีแนวโน้นที่จะฟื้นตัว อาจทำให้เศรษฐกิจของไทยเราต้องย่ำแย่กว่านี้
อ่านเพิ่มเติม >> 7 ยุทธศาสตร์ ชี้ทิศทางการ ส่งออกไทย ปี 2559 <<
ราคาสินค้าการเกษตร ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศไทยเราก็ปรับตัวลดลงอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และประเทศไทยเรายังต้องประสบปัญหาภัยแล้งอีก ปัญหาเศรษฐกิจของไทยจึงมีมาก ทำให้เกษตรกรขาดรายได้ไป กำลังซี้อก็ไม่มีที่จะทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมีไม่มากพอ ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจของไทยชะลอตัวตามไปด้วย GDP ก็ลดลงมา
ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมารัฐบาลได้ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ช่วยพยุงเพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อน โดยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยต่างๆ มีจำนวนเงิน 5 แสนล้านในไตรมาตรที่หนึ่ง และผลักดันโครงการลงทุนภาครัฐเมกะโปรเจกท์ขนาดใหญ่ บวกกับสนับสนุนให้เอกชนเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ มาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 มาจนถึงปัจจุบันปี พ.ศ.2559 กระตุ้นให้ประชาชนให้มีการบริโภค ให้มีการจับจ่าย กระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อน จะได้ผลเพียงใดก็ต้องติดตามดูในปี พ.ศ.2559 นี้
ระบบเศรษฐกิจของโลกในยุคปัจจุบัน จะเห็นว่าระบบเศรษฐกิจของประเทศหนึ่งที่ผลต่อระบบเศรษฐกิจของอีกประเทศหนึ่ง เราจึงต้องติดตามข่าวสารต่างๆ ในเรื่องเศรษฐกิจทั่วโลก เพื่อนำมาวางแผนกำหนดทิศทาง มาตรการเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งในปัจจุบันก็จะเห็นได้ว่าจากการที่สหรัฐฯ และจีนมีปัญหาทางเศรษฐกิจ ประเทศโดยรอบ โดยเฉพาะประเทศไทยก็พลอยเข้าสู่ขั้นวิกฤติไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลระบบภายในของไทยเองด้วย อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ชะล่าใจเกินไป ควรเตรียมตัวรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตและจะต้องเตรียมแผนเพื่อจัดการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยที่กำลังตกต่ำโดยด่วน ไม่ว่าจะเป็นราคาข้าวหรือราคายางพาราก็ตาม ได้เล็งเห็นถึงผลกระทบดังนี้แล้ว ก็อย่าลืมติดตามข่าวสารต่างประเทศกันบ่อยๆ ด้วย