ก่อนที่เราจะเริ่ม เล่นหุ้น นั้น เราจะต้องประเมินความพร้อมก่อนว่า เรามีความพร้อมแค่ไหน กับการเข้ามาทำกำไรในตลาดทุนแห่งนี้ นอกจากนี้เรายังต้องวิเคราะห์สภาพตลาดด้วยว่า เหมาะสมกับการลงทุนหรือไม่ สิ่งที่เราต้องรู้ตัว และเตรียมพร้อมเป็นอย่างแรกๆเลยนั่นก็คือ เงินทุน และความรู้ โดยเฉพาะความรู้นั้น ถ้ามีไม่พอ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาเงินไปโยนทิ้ง
ผู้ที่ต้องการเล่นหุ้นต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่? ในการลงทุนนั้นยิ่งใช้เงินทุนมาก ก็มีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าอยู่แล้ว แต่สำหรับมือใหม่ขอแนะนำว่าเริ่มต้นจากเงินลงทุนน้อยๆก่อนก็ดี ค่อยๆเก็บเกี่ยวความรู้ และประสบการณ์ไปก่อน เมื่อมีความเชี่ยวชาญแล้วค่อยเพิ่มทุนก็ยังไม่สายเกินไป ที่จริงแล้วคำถามที่ว่าใช้เงินทุนเท่าไหร่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการลงทุนและผลตอบแทนที่ต้องการนั่นเอง
เงินที่นำมาลงทุนในหุ้นนั้นควรจะต้องเป็นเงินเย็น คือเงินที่เรากันไว้จากเงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว ยังควรเป็นเงินที่เราไม่ได้จำเป็นต้องใช้หากมีเหตุฉุกเฉิน เพราะอาจจะเกิดปัญหาที่ว่าเงินยังไม่ได้ออกดอกออกผลตามที่ควรจะเป็น กลับมีเหตุจำเป็นให้ต้องนำมาใช้จ่ายซะแล้ว
สิ่งที่ต้องทราบในการเล่นหุ้นก็คือ การรู้ถึงผลตอบแทนและความเสี่ยง ความเสี่ยงในที่นี้คือ รู้ว่าราคาของหุ้นขึ้นลงได้ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของธุรกิจเป็นสำคัญ ไม่ใช่เกิดจากการทำราคา หรือปั่นราคาหุ้น เพราะถึงจะทำราคาอย่างไร สุดท้ายแล้วราคาก็จะสะท้อนผลประกอบการของธุรกิจอยู่ดี ควรศึกษาว่า ธุรกิจนั้นเกี่ยวกับอะไร มีผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีโอกาสเติบโตในอนาคตหรือไม่ อะไรที่เป็นจุดอ่อนจุดแข็งของธุรกิจนี้
แม้จะมีหุ้นที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์มากกว่า 500 ตัว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องศึกษาหมดทุกตัว เลือกศึกษาหุ้นที่เราสนใจจะลงทุน และเข้าซื้อขายให้ถูกจังหวะก็เพียงพอแล้ว ที่สำคัญต้องรู้ว่าตัวเราเองเหมาะกับการลงทุนแบบไหน ระยะสั้น กลาง หรือว่าการลงทุนในระยะยาว เน้นผลตอบแทนในรูปเงินปันผล หรือชอบซื้อขายทำกำไรรายวัน เน้นลงทุนในกิจการที่มีโอกาสเติบโต หรือชอบการลงทุนเชิงรุกแนววิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งการลงทุนแต่ละแบบก็มีวิธีการ และระยะเวลาสร้างผลตอบแทนที่แตกต่างกันไป
ดังนั้นเราควรที่จะต้องรู้ตัวเองก่อนว่าเราเหมาะกับการลงทุนในรูปแบบไหน แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสีย และความเสี่ยงแตกต่างกัน เช่นเล่นสั้นมีโอกาสสร้างผลกำไรได้เร็วกว่าแต่ก็มีความเสี่ยงมากกว่า
ที่สำคัญคือเข้าลงทุนด้วยวิธีไหนก็ขายออกตามที่ตั้งใจไว้ ไม่ใช่ว่าตอนซื้อมาแบบนักลงทุนระยะสั้น แต่เมื่อการลงทุนผิดพลาดก็ไม่ยอมตัดขาดทุน กลายเป็นนักลงทุนระยะยาวจำเป็น แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
การใช้เครื่องมือแต่ละชนิดในการวิเคราะห์ หลักๆ แล้วจะมีอยู่ด้วยกันสองแบบคือ
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ดูจากผลประกอบการย้อนหลังของบริษัท ดูงบการเงินเป็น คาดการการเติบโตของธุรกิจได้ และเข้าซื้อเมื่อเห็นว่าราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมากๆ วิธีนี้ส่วนใหญ่ในบ้านเราจะรู้จักกันในนาม VI การลงทุนแบบเน้นหุ้นคุณค่า
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยการติดตามความเคลื่อนไหวของราคาของหุ้นนั้นๆ อ่านกราฟเป็น ใช้อินดิเคเตอร์เป็น เข้าใจแนวโน้มของราคา เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน
ก่อนที่จะเริ่มเล่นหุ้นนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ทั้งติดตามข่าวสาร ศึกษาแนวโน้มของธุรกิจ และศึกษาการวิเคราะห์เชิงเทคนิค การเล่นหุ้นเป็นการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างดีหากเลือกลงทุนในหุ้นถูกตัว แต่ในทางกลับกันหากการลงทุนผิดพลาดก็อาจทำให้สูญเสียเงินลงทุนได้ จึงควรลงทุนอย่างมีสติ อย่าโลภ และควรมีแนวทางรองรับในกรณีที่การลงทุนผิดพลาด เพื่อบรรเทาความสูญเสียได้อย่างทันท่วงที